คนที่ใช้ Windows Live Spaces คงจะทราบนะครับ ว่ามันจะมี statistics ที่ดูสถิติการเข้า space ได้ และบอก referring address ว่ามาจากไหนบ้าง
วันนี้จะมาเล่า... space นี้ นอกจากจะมีคนหลงเข้ามาจากลิงก์ของเพื่อน ๆ ประปรายแล้ว ยังมี referring address ที่พาคนหลงเข้ามาบ่อยมาก ๆ อยู่อย่างหนึ่ง คือ http://www.google.com/search?hl=en&q=%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82&btnG=Google+Search
ครับ มันคือ Google query หาข้อความ "ตรากระทรวงสาธารณสุข" ครับ
ช่างน่าดีใจ... อุตส่าห์แต่ง มีคนหลงเข้ามาอ่านด้วย (<-- น้ำตาแห่งความตื้นตัน)
สำหรับคนที่ไม่เคยหลงไปอ่าน มันคือเรื่อง The Symbol of the Medical Profession นะครับ
(เอาเข้าไป นอกจากจะดีใจที่คนหลงมาแล้วยังจะโฆษณาอีก)
แต่เดี๋ยวครับ ยังไม่หมด ยังมีอีกครับ วันก่อน... เห็น refer มาจากที่ http://www.google.com/search?hl=en&q=%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%81%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%95&btnG=Google+Search
ครับ query "นโยบายการจัดกิจกรรมนิสิต" จะเจอ รับน้อง... (ตามกระแสเปล่าเนี่ย) ครับ
ไม่ยักเจอคน search หา "โรคประจำบล็อค" หลงเข้ามาบ้างนะครับ...
24 February 2007
Referring address - หลงมาจากไหนกัน
Labels:
#Misc. writings,
Blog review,
Google,
Web traffic,
Windows Live
17 February 2007
ค่าโง่โทรศัพท์ - เจอจนได้
นึกว่าจะฉลาดแล้วเชียว...
เพื่อน ๆ ครับ เพื่อน ๆ (อย่างน้อยก็ที่ใช้เติมเงินของ Happy) คงจะเคยเห็นข้อความหลังบัตรเติมเงิน ที่ว่า "เช็กโปรโมชั่นทางลัด ผ่านบริการด่วนพิเศษ เพียงกด *103#✆ (ไม่คิดค่าโทร)" ใช่ไหมครับ†
อย่าลืมกดดูทุกวันที่ 1 ของเดือนนะครับ
เพื่อว่า ถ้าอ่านรายละเอียดโปรโมชั่นไม่ดี และ/หรือ จำกำหนดโปรหมดอายุไม่ได้ จะได้ไม่เสียตังฟรีแบบผม
ผ่านไปครึ่งเดือนเศษ ค่าโทรแพงขึ้นกว่าเดิม 89.50 บาท คิดเป็น 82.9% (เฮือก)
แถมมาหมดช่วงที่ปิดโทรศัพท์สอบซะด้วยนะ สงสัยงานนี้จะต้องจดการใช้โทรศัพท์ทุกบาททุกสตางค์ด้วยละมั้งเนี่ย (แค่เงินสดในมือก็จะแย่แล้ว)
ทีนี้จะเปลี่ยนไปใช้อะไรดีล่ะเนี่ย...
เพื่อน ๆ ครับ เพื่อน ๆ (อย่างน้อยก็ที่ใช้เติมเงินของ Happy) คงจะเคยเห็นข้อความหลังบัตรเติมเงิน ที่ว่า "เช็กโปรโมชั่นทางลัด ผ่านบริการด่วนพิเศษ เพียงกด *103#✆ (ไม่คิดค่าโทร)" ใช่ไหมครับ†
อย่าลืมกดดูทุกวันที่ 1 ของเดือนนะครับ
เพื่อว่า ถ้าอ่านรายละเอียดโปรโมชั่นไม่ดี และ/หรือ จำกำหนดโปรหมดอายุไม่ได้ จะได้ไม่เสียตังฟรีแบบผม
ผ่านไปครึ่งเดือนเศษ ค่าโทรแพงขึ้นกว่าเดิม 89.50 บาท คิดเป็น 82.9% (เฮือก)
แถมมาหมดช่วงที่ปิดโทรศัพท์สอบซะด้วยนะ สงสัยงานนี้จะต้องจดการใช้โทรศัพท์ทุกบาททุกสตางค์ด้วยละมั้งเนี่ย (แค่เงินสดในมือก็จะแย่แล้ว)
ทีนี้จะเปลี่ยนไปใช้อะไรดีล่ะเนี่ย...
†อักขระตัวถัดจาก # ควรจะเป็นรูปโทรศัพท์; ต้องมี Unicode font เช่น Arial Unicode MS จึงจะแสดงผลได้ถูก
Labels:
#Journals,
Blunder,
Personal finance,
Talk plan
7 February 2007
The art of gift giving...
ผมเข้าไม่ถึงครับ
ผมเคยและยังมีปัญหากับทั้งการให้และรับของ ขวัญ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่ว่าไม่รู้จะให้อะไรคนอื่น (คนที่สังเกตคงเห็นว่าคอยเกาะคนอื่นหารตลอด) หรือการรับของขวัญที่ ไม่ต้องใจ อย่างมีวัฒนธรรม
เท่าที่ผมทราบ ตามวัฒนธรรมตะวันตก ธรรมเนียมการให้ของขวัญนี้ถือเป็นการแสดงการให้ความสำคัญ และความหวังที่ดีต่อกันวิธีหนึ่ง Miss Manners (Judith Martin) กล่าวว่า "The whole point is that the other person decides what to get you on the basis of his knowledge of you and of his best judgment, however faulty that might be." (ในวัฒนธรรมไทยอันนี้ผมยังไม่เคยเห็นการกล่าวถึงอย่างเจาะจงนะครับ แต่ก็ขอเหมาว่าคงจะคล้าย ๆ กัน)
สิ่งที่เป็นปัญหาสำหรับผมก็คือ ผู้ให้ ถึงจะให้ด้วยความเต็มใจ ไม่คาดหวังอะไรตอบแทน แต่อย่างน้อยที่สุดก็คงต้องหวังอยู่ว่าผู้รับจะยินดี กับสิ่งที่ได้รับ ซึ่งนี่ก็เป็นสาเหตุที่ตามมารยาทแล้ว ผู้รับจะต้องแสดงความดีใจที่ได้รับของขวัญนั้น แม้ว่าใจจริงจะรู้สึกอย่างไรก็ตาม
แต่ผมทำไม่ได้
ขอบคุณหรือเปล่า ขอบคุณ ตื้นตันน่ะ ยิ่งใช่ แต่ยิ่งพยายามบอกถึงความยินดีในตัวของขวัญเท่าไร มันยิ่งรู้สึกว่าเป็นการโกหกผู้ที่ให้มามากเท่านั้น
สุดท้ายก็ทั้งทำร้ายจิตใจคนที่รักเรา ทั้งทำร้ายความรู้สึกตัวเอง
ทำไมนะ... ทำไม...
ผมเคยและยังมีปัญหากับทั้งการให้และรับของ ขวัญ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่ว่าไม่รู้จะให้อะไรคนอื่น (คนที่สังเกตคงเห็นว่าคอยเกาะคนอื่นหารตลอด) หรือการรับของขวัญที่ ไม่ต้องใจ อย่างมีวัฒนธรรม
เท่าที่ผมทราบ ตามวัฒนธรรมตะวันตก ธรรมเนียมการให้ของขวัญนี้ถือเป็นการแสดงการให้ความสำคัญ และความหวังที่ดีต่อกันวิธีหนึ่ง Miss Manners (Judith Martin) กล่าวว่า "The whole point is that the other person decides what to get you on the basis of his knowledge of you and of his best judgment, however faulty that might be." (ในวัฒนธรรมไทยอันนี้ผมยังไม่เคยเห็นการกล่าวถึงอย่างเจาะจงนะครับ แต่ก็ขอเหมาว่าคงจะคล้าย ๆ กัน)
สิ่งที่เป็นปัญหาสำหรับผมก็คือ ผู้ให้ ถึงจะให้ด้วยความเต็มใจ ไม่คาดหวังอะไรตอบแทน แต่อย่างน้อยที่สุดก็คงต้องหวังอยู่ว่าผู้รับจะยินดี กับสิ่งที่ได้รับ ซึ่งนี่ก็เป็นสาเหตุที่ตามมารยาทแล้ว ผู้รับจะต้องแสดงความดีใจที่ได้รับของขวัญนั้น แม้ว่าใจจริงจะรู้สึกอย่างไรก็ตาม
แต่ผมทำไม่ได้
ขอบคุณหรือเปล่า ขอบคุณ ตื้นตันน่ะ ยิ่งใช่ แต่ยิ่งพยายามบอกถึงความยินดีในตัวของขวัญเท่าไร มันยิ่งรู้สึกว่าเป็นการโกหกผู้ที่ให้มามากเท่านั้น
สุดท้ายก็ทั้งทำร้ายจิตใจคนที่รักเรา ทั้งทำร้ายความรู้สึกตัวเอง
ทำไมนะ... ทำไม...
Labels:
#Thoughts,
Gift giving,
Manners
Subscribe to:
Posts (Atom)