Showing posts with label #Soapbox. Show all posts
Showing posts with label #Soapbox. Show all posts

1 December 2007

1 December 2007

วันนี้ (วันที่ 1 ตอนเริ่มเขียน) มีเรื่องให้กล่าวถึงหลายเรื่องทีเดียว... ก็เลยจะขอแยกพูดถึงเป็นหัวข้อ ๆ แล้วกันนะครับ

World AIDS Day 2007

บางคนอาจจะสังเกต ว่าปีที่ผ่าน ๆ มาผมจะติดริบบิ้นสีแดงในสัปดาห์ก่อนวันเอดส์โลก (1 ธันวาคม) จนเกือบจะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติส่วนบุคคลอย่างหนึ่งไปแล้ว ซึ่งปีนี้อย่างน้อยก็นับว่าเป็นการประชาสัมพันธ์วันเอดส์โลกที่จะมาถึงอย่างได้ผลระดับหนึ่ง เพราะเกือบทุกคนที่เจอหน้ากันสัปดาห์ที่ผ่านมาล้วนถามว่าติดทำไม (สำเร็จ... 55+)

เรื่องความเข้าใจ เห็นใจผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่กับเชื้อ HIV นี้ ผมเคยพูดกับเพื่อน ๆ อยู่หลายครั้ง ว่าการจะแก้ stigma เปลี่ยนค่านิยม ความเชื่อของสังคมนั้นมันยากแค่ไหน ขนาดเราเองที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ ที่เรียนอยู่โดยตรง ถึงจะรู้ดีแค่ไหน ก็ยังกลัว ยังหวาดจนเกินความพอดีอยู่ไม่น้อย เวลาที่ทำงานกับผู้ป่วยที่มีเชื้อ HIV

ช่วงเดือนที่แล้ว ผมและเพื่อน ๆ ในกลุ่มได้ปฏิบัติงานบนหอผู้ป่วยวชิราวุธล่าง ซึ่งก็ได้มีโอกาสสัมผัสกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV จำนวนไม่น้อย (เกือบ 50% ในบางช่วง) และในการปฏิบัติงานนั้นก็มีการทำหัตถการที่ต้องสัมผัสกับสารคัดหลั่งของผู้ป่วยอยู่ไม่น้อย สิ่งที่ผมพบคือ ความกลัวที่ว่านั้น พอทำงานไปพักหนึ่งมันเริ่มชิน เริ่มลืมที่จะกลัวครับ (จนบางครั้งก็ยังต้องคอยเตือนตัวเองเรื่อง precaution อยู่) พอความกลัวเริ่มลดลง ก็เริ่มมีที่ให้กับความเห็นอกเห็นใจ และที่สำคัญ คือความหวัง ที่ความก้าวหน้าทางการแพทย์ จะช่วยให้ผู้ป่วยที่ต้องตายสถานเดียวเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว จะมีโอกาสดำรงชีวิตที่มีคุณภาพได้ในสังคม

แต่ [keyword] ก็คือสังคมนั่นเอง

ช่วยกันนะครับ ทุกคน

(ที่ว่ามาว่าการรักษามันดีขึ้น ไม่ได้เป็นเหตุผลให้ความป้องกันสำคัญน้อยลงนะครับ ในทางตรงข้าม การตระหนักถึงอันตรายนี้เป็นสิ่งที่สังคมเรากำลังสูญเสียไปอย่างรวดเร็ว... ขอให้ช่วยกันอีกข้อ... นะครับ)

ป.ล. ทีแรกว่าจะพูดถึง compulsory license ด้วย... แต่ขี้เกียจละ

สอบภาษาอังกฤษ (CU-TEP) ภาษาไทย คอมพิวเตอร์ สำหรับนิสิตชั้นปีที่ 4

คณะเราส่วนเอนทรานซ์+โอลิมปิกวิชาการ ก็มีอยู่เกือบร้อยเก้าสิบคน สมัครมาสิบกว่าคน ปรากฏว่าไปสอบกัน 5 คน - -'... แต่ก็ได้มาเจอเพื่อน ๆ โครงการกับพี่นิวแทรคที่โดนบังคับ (?) มาสอบ

สอบครั้งนี้สอบที่อาคารจุฬาพัฒน์ 4 ห้อง 421 ทีแรกก็เอ๋อไปเหมือนกัน ว่า จุฬาพัฒน์นี่มันอยู่ส่วนไหนของจุฬาฯ เนี่ย เปิดไปเปิดมาปรากฏว่ามันคือห้องเรียนวิชา Human Relations ตอนปี 1 นั่นเอง ก็เลยได้ไปทานข้าววิทย์กีฬารำลึกความหลังเมื่อยังเยาว์วัย (ทำไมมันเหมือนน้านนนน นานมาแล้วนะ?)

พูดถึง... เพิ่งได้มีโอกาสอ่านป้ายตรงสวนหินอ่อนหน้าอาคารจุฬาพัฒน์ 7 (สำนักงานสำนักวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา)

นึก ๆ ดูก็ขำอยู่หน่อย... ตอนไปโรมเห็นเค้ามีของแบบนี้ที่เก่าสองพันปี ของเราเก่าร้อยปี

สอบ ก็... CU-TEP ก็ไม่มีอะไร เรื่อย ๆ (แต่ข้อ 100 โจทย์ผิดชัด ๆ) แต่ภาษาไทยนี่สิ... อ่าน-ฟัง-เขียน ไม่มีตัวเลือกสักข้อ ซีดเลย~ ยิ่งตอนที่ให้เขียนบทความนี่... เขียนอะไรก็ไม่รู้ที่นึกได้เกี่ยวกับหัวข้อที่ให้ไป โดยไม่ได้ใช้ความรู้ความสามารถทางภาษาไทยแม้แต่น้อย

ส่วนสอบคอมพิวเตอร์ ที่แต่ละคนต่างสงสัยกันว่าสอบยังไง... ปรากฏว่าข้อสอบนี่หลากหลายสุด ๆ... มาตอนแรกก็ถามวิธีใช้ Windows, Microsoft Office ทั่ว ๆ ไป พื้นฐานบ้าง [advanced] ขึ้นหน่อยบ้าง มากลาง ๆ เริ่มถามเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต เน็ตเวิร์ค ฮาร์ดแวร์ จนถึงข้อ 80 กว่า ๆ (เต็ม 100) นี่เป็นเนื้อหาวิชาคอมพิวเตอร์ตอน ม.4-5 (ที่ลืมไปหมดแล้ว) ซะงั้น ทั้งเรื่องภาษา ระบบจัดการข้อมูล เล่นเอามึนไปเลย

เอาเถอะ... ถือว่าสอบขำ ๆ นี่เรายังห่างไกลการเรียนจบกว่าคนอื่นอีกกี่เท่าไม่รู้ (เอ๊ะ แต่ผลสอบนี่มันลง transcript หรือเปล่านะ~ แย่แล้ว...)

รักแห่งสยาม

ทีแรกกะว่าเอาเป็นหัวข้อ blog post นี้ดูจะตามแฟชั่นเค้าหน่อย แต่อย่าเลย ไม่ได้มีอะไรจะพูดถึงเท่าไร

ก็เป็นว่า วันนี้ยังไงก็รอพ่อแม่มารับ แล้วก็ไม่อยากเสี่ยงรอถึงปลายเดือน (ความจริงความอดทนไม่มี) หลังสอบว่าง ๆ... อยู่แถวนั้นด้วย ก็เลยตัดสินใจไปดูมันเปลี่ยว ๆ คนเดียวนี่แหละ (ไม่รู้จะชวนใคร - เหมือนคนที่กะจะดูก็ดูกันหมดแล้ว)

ก็เหมือนเดิมแหละนะ วิเคราะห์วิจารณ์ภาพยนตร์ไม่เป็น แต่ความรู้สึกที่ไปดูมาก็ว่า satisfying ดีมาก ๆ ถึงแม้จะมีประเด็นที่ไม่ค่อยเข้าใจอยู่มากพอควรเลยทีเดียว (ความจริงดูหนังก็ไม่ค่อยจะเคยเข้าใจอะไรทันอยู่แล้ว)

แต่โรงหนังก็ยังเสียงดัง... มาก... แถมหนาวสุด ๆ อีก (น่ะนะ ก็ไม่ได้วางแผนอะไรก่อนไปดูเลยแม้แต่น้อย)

สรุป: ดี ๆ... ต้องรอทดสอบว่าถ้าดูซ้ำ (ไม่ดูในโรงหรอก) แล้วจะยังอยากดูรอบ 3 อีกหรือเปล่า...


มีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่านะ... นึกไม่ออกละ จบแค่นี้แล้วกัน สวัสดีครับ

16 December 2006

Communication...

... Its failure is the reason for all the conflicts in this world.

Convincing, don't you think?

เพราะฉะนั้น การแก้ปัญหาทั้งหลายในโลกนี้ก็ง่าย ๆ แค่
พูดกันมากขึ้น ฟังกันมากขึ้น เข้าใจกันมากขึ้น
ฮึ่มม... ทำไมมันถึงไม่ง่ายอย่างที่พูดหว่า...

แถม: model ของ อ.ภุชงค์ จากวิชา Medical Ethics and Critical Thinking 2548

9 February 2006

There's so much that we share; even more that we don't.

It's a small world, but a very divided one at that.

A borderless world? Maybe after peace on earth.

Isn't it ironic that religion, the ultimate purpose of which being to help us live together, so consistently promotes intolerance?

What should we do about it? None that I see can be done. It's just this world we live in.

1 December 2005

World AIDS Day 2005: Stop AIDS. Keep the Promise.

Today is World AIDS Day.

With calls to keep the promise, maybe it was time we asked ourselves...

"When was the last time we knew we cared?"

Once a year, we don red ribbons and talk of the actions we need to take.

But why then, 364 days a year, do we so easily seem to forget?

We talk about acceptance, we talk about sympathy.

But why then, do we shun AIDS sufferers every day in our lives?

Where's the promise?



We can make a difference.


Support World AIDS Day

17 October 2005

สิ่งเดียวในโลกที่ยุติธรรม?

อันนี้เคยพูดให้หลายคนฟังแล้วเหมือนกัน...

เคยได้ยินใช่ไหมครับ ที่ว่าในโลกนี้หายาก ที่จะมีอะไรที่ยุติธรรม แต่มีอย่างนึงที่ทุกคนได้เท่าเทียมกันแน่นอน คือเวลา ที่ทุกคนต่างก็มีวันละ 24 ชั่วโมงเท่ากัน...

ลองไปถามไอน์สไตน์ดูสิครับ อาจจะได้คำตอบว่า 24 ชั่วโมงที่ว่าของแต่ละคนนั้นมันไม่ได้เท่ากันเลยสักนิด



โลกไม่ใช่ตาชั่งสักหน่อย จะได้มีความยุติธรรมให้ได้

20 September 2005

Lawsuits not the answer to proper compensation

เมื่อกี้นั่งดูคลิปถึงลูกถึงคนบางอันกะจะลองมั่ว ๆ ดูว่า intro ที่จะ present วันศุกร์นี้จะออกมาเป็นยังไงได้บ้าง ดูแล้วก็น่าคิดว่าไอ้หัวข้อเรื่องที่เอามาทำ project นี่ ถึงมันจะเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงและน่าสนใจ แต่มันก็เป็นประเด็นที่เกิดที่ปลายเหตุ ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำถ้าสามารถปรับปรุงระบบและทัศนคติของทุก ๆ ฝ่ายให้มันดีกว่านี้

แต่จริง ๆ แล้วตรงที่บอกว่าน่าจะปรับปรุงได้มันก็ไม่มีอะไรให้พูดถึงมากมายหรอก เพราะทุกคนก็รู้ว่าไอ้การฟ้องร้องอะไรกันนี่มันก็มีแต่เสียกับเสียทุกฝ่าย (ยกเว้นสื่อกับทนาย) ทั้งตัวผู้ป่วยเองก็ต้องเสียเงินเสียเวลาเสียแรงเสียกำลังใจ กับผลที่ได้จะเป็นยังไงไม่รู้ ตัวแพทย์โรงพยาบาลและหน่วยงานก็เสียเงินเสียเวลาเสียกำลังใจเหมือนกัน แล้วที่สุดแล้วผลออกมาถ้าศาลตัดสินให้ผู้ป่วย กว่าจะได้ compensation ก็ ไม่รู้ว่าไอ้ที่เสียหายตอนนั้นมันทำชีวิตพังจนหายกลับมาดีไปนานแค่ไหนแล้ว หรือเปล่า ถ้าศาลตัดสินให้แพทย์ ภาพที่ออกมาก็กลายเป็นว่าผู้ป่วยไม่ได้รับการชดเชยที่เป็นธรรม (ทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่ความผิดของใครเลยก็ตาม)

ที่น่าสงสัยคือว่า ไอ้การจัดตั้งกองทุนหรืออะไรก็แล้วแต่ที่จะดูแลให้ compensation กับ ผู้ป่วยอย่างรวดเร็วและทั่วถึงโดยไม่จำกัดว่าเหตุของความเสียหายนั้นเกิด จากอะไรมันจะยากเย็นแค่ไหนในการที่จะทำได้ จะต้องให้เวลา พลังงาน และแรงใจของทุกฝ่าย (ยกเว้นสื่อกับทนาย) ต้องสูญเสียไปอีกเท่าไรกันเชียวกว่าที่มันจะเกิดขึ้น หรือว่าจะเป็นเพียงอีกความฝันลม ๆ แล้ง ๆ ไม่สามารถเกิดขึ้นจริงได้บนโลกใบนี้...

11 May 2005

อุปาทวจักร ของมหาวิทยาลัย

เรื่องนี้คุยกับนอยเมื่อวันก่อน... เป็นบทสนทนาสั้น ๆ แต่ขอเอาใจความมาลงอีกรอบ...

ก็... ปัญหาที่สำคัญอย่างหนึ่งที่เกี่ยวกับการเอ็นทรานซ์ก็มาจากทัศนคติของสังคมต่อมหาวิทยาลัยเอกชน คือใคร ๆ ก็มองว่ามหาลัยเอกชนมันชั้นต่ำ... ก็เลยทำให้คนที่มีความสามารถมุ่งแต่จะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยของรัฐ พอเป็นอย่างนี้ ทรัพยากรบุคคลที่เหลือให้ ม.เอกชน ก็คือคนที่เอ็นท์ไม่ติด... ก็เลยยิ่งส่งเสริมทัศนคติของสังคมที่ว่ามหา'ลัยเอกชนมันชั้นต่ำ...

ในเมื่อเป็นอย่างนี้ ก็เลยทำให้บทบาทของมหาวิทยาลัยเอกชนในการรองรับจำนวนผู้ที่เข้าศึกษาในระดับอุดมศึกษาล้มเหลว... และก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องที่เรียนไม่พออย่างที่กล่าวก่อนหน้านี้ได้สักที...

PS สิ่งที่น่าแปลกในเรื่องนี้ คือ ทำไมมุมมองต่อสถาบันการศึกษาของ รัฐบาล/เอกชน ในระดับ โรงเรียน/มหาวิทยาลัย ถึงตรงข้ามกันโดยสิ้นเชิง...