Showing posts with label Hypocrisy. Show all posts
Showing posts with label Hypocrisy. Show all posts

17 May 2011

อารมณ์ชั่ววูบของสังคมออนไลน์ | ล้อมคอกแล้วเปิดประตูทิ้งไว้

เกือบห้าเดือนผ่านมาแล้วนะครับสำหรับเหตุการณ์อุบัติเหตุรถเก๋งชนกับรถตู้บนทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ เป็นเหตุให้มีผู้โดยสารรถตู้เสียชีวิต 9 คน ตลอดจนกระแสวิพากษ์วิจารณ์ของสังคมที่โหมกระหน่ำอย่างรุนแรง¹

ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บังเอิญผมได้พบเห็นเหตุการณ์และบทสนทนาที่กล่าวถึงประเด็นนี้อยู่ประปรายในโอกาสต่าง ๆ กัน จึงอยากจะขอย้อนกลับไปมองอีกที ว่าเราเห็นอะไรจากเหตุการณ์ที่ผ่านมาบ้าง

ที่น่าจะเห็นได้ชัดที่สุด ก็คงเป็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของชุมชนออนไลน์ภาษาไทย ที่เหมือนว่าเกือบทั้งหมดจะลืมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตลอดจนพายุอารมณ์ที่ตนได้ปล่อยปะทุขึ้นอย่าง [remarkable] ในคืนนั้นและช่วงวันที่ตามมาไปแล้ว

เหมือนจะน่าเหลือเชื่อ แต่ถ้าคิดดูดี ๆ ก็ไม่น่าแปลกใจ ที่ข้อมูลที่ได้รับทราบมาอย่างจำกัด เมื่อผ่านการปรุงแต่งและแรงยุยงสะสมต่อ ๆ กันเพียงชั่วครู่ จะทำให้คนเป็นแสนคนใช้อารมณ์ตัดสิน และเปลี่ยนอารมณ์นั้นเป็นความเกลียดชัง จนร่วมกันตราหน้าผู้กระทำผิด แปลออกมาเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์และด่าทออย่างรุนแรง ได้อย่างพร้อมเพรียงกันขนาดนี้

และก็ยังน่าแปลกใจน้อยลงไปอีก ที่ชุมชนเดียวกันนั้นเอง จะพากันลืมพายุที่ตนก่อขึ้นและปล่อยให้มอดดับไปอย่างรวดเร็วในเวลาไม่กี่เดือน (ความจริงอาจไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ) เพียงถ้าจะมองว่าทั้งหมดนั้นมันคือ "อารมณ์ชั่ววูบ"

แม้อาจจะมีบางคนที่ถามถึงความคืบหน้าในคดีอยู่ ณ เวลานี้ ยังคงมองว่าผู้กระทำผิด (ซึ่งที่จริงแล้วความผิดของเขาคือการขับขี่รถยนต์โดยไม่มีใบอนุญาต ร่วมกับประมาท² จนเกิดอุบัติเหตุ) คือฆาตกรที่สังคมต้องตามล่าจนถึงที่สุด แต่ผมหวังว่าคนส่วนใหญ่ จะได้ใช้เวลาที่ผ่านมา ปล่อยให้อารมณ์สงบลง และหันกลับไปมองเหตุการณ์ที่ผ่านมาเสียใหม่ และตั้งคำถามว่า "เราได้เรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์นี้ และจะทำอะไรเพื่อแก้ไขได้บ้าง?"

และอย่างน้อยผู้จัดทำ Facebook Page ที่มีคน Like กว่าสามแสนคนนั้นก็ได้พยายามส่งเสริมให้ใช้พลังที่เกิดขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหา โดยกล่าวว่า

Facebook Page วัตถุประสงค์ในการจัดตั้งเพจในครั้งนี้ จัดตั้งขึ้น เพื่อความเป็นธรรมในสังคม และการสร้างสรรค์สังคม มิได้มีเจตนาประสงค์ โจมตีหรือ ให้ร้าย บุคคลใดบุคคลหนึ่ง และเพื่อหาแนวทางป้องกัน อุับัติเหตุที่เกิดขึ้นจากการใช้รถใช้ถนน ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียของบุคคลในครั้งนี้ รวมทั้งทางเพจมิได้เจตนาหลบหลู่ และกล่าวหาบุคคลใด หรือหมิ่นสถาบันใด ๆ สถาบันหนึ่ง และ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเมืองใด ๆ ทั้งสิ้น จึงขอประกาศทราบและเข้าใจโดยทั่วกัน

ยังไงก็คงดีกว่าสภาพที่คุณ @trangs กล่าวไว้ใน Twitter ว่า TL วันนี้ทั้งวันเต็มไปด้วย คนด่าแพรวา คนสงสารแพรวา คนด่าคนด่าแพรวา คนด่าคนสงสารแพรวา คนเสนอทางออก คนด่าคนเสนอทางออก มั้งครับ

เพราะแม้ว่าผมจะคิดแทนผู้ที่สูญเสียครอบครัวจากเหตุการณ์ดังกล่าว (ซึ่งน่าจะเป็นผู้ที่จะไม่ลืมมากที่สุด) ไม่ได้ แต่ผมก็เชื่อว่าการเรียนรู้ แก้ไข และพัฒนา จะเป็นสิ่งที่ทุกคนหวังประสงค์ร่วมกัน

ส่วนเรื่องความคืบหน้าในคดี ก็ย่อมเป็นเรื่องที่ควรต้องดำเนินการติดตามต่อไป หากเพียงแต่เป็นเพื่อความยุติธรรม ไม่ใช่การแก้แค้น ซึ่งผมจะไม่ขอวิจารณ์กระบวนการยุติธรรมของไทยเพิ่มเติม ณ ที่นี้


ในช่วงแรก ๆ หลังเกิดเหตุการณ์ มีสิ่งหนึ่งที่ผมดีใจที่เหมือนจะได้เห็นความพยายามแก้ไขปัญหา คือการจัดให้มีเข็มขัดนิรภัยในรถตู้โดยสาร³ แม้จะเข้าได้กับคำพังเพยไทยที่ว่าวัวหายล้อมคอก และก็เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ก็อย่างน้อยได้ทำอะไรเพื่อพัฒนาบ้างสักนิด ก็คงยังดีกว่าปล่อยให้ความสูญเสียนั้นสูญเปล่าไปโดยสิ้นเชิง

แต่ทว่าความสูญเปล่านั้นคงจะเป็นสภาพอันหลีกเลี่ยงไม่ได้ในสังคมนี้กระมังครับ เพราะผมเองก็เพิ่งจะได้เห็นตอนขึ้นรถตู้เมืองทองธานี-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าเข็มขัดนิรภัยที่ว่าถูกทำให้อยู่ในสภาพดังรูป

วัวหายแล้วล้อมคอกยังรับได้ว่าพยายามแก้ไข แต่ที่ไม่สมควรให้อภัยคือตั้งใจเปิดประตูคอกทิ้งไว้


  1. ถ้าจำไม่ได้ลองกลับไปอ่านดราม่าอันนี้
  2. ที่จริงในเชิงปรัชญาและจริยศาสตร์ การตีความผิดให้การประมาทนั้นคงมีประเด็นให้ถกเถียงได้มากทีเดียว เพราะส่วนใหญ่ก็ถือกันว่าเจตนาเป็นปัจจัยสำคัญของการกระทำความผิด
  3. ผมไม่ชอบใจมานานแล้วกับการที่รถตู้และรถโดยสารประจำทางไม่มีเข็มขัดนิรภัยให้ แต่ที่เกลียดและรำคาญกว่านั้นคือการที่รถแท็กซี่มีเข็มขัดนิรภัย แต่เ*ือกเอาขั้วล็อกเข็มขัดยัดเข้าไปใต้เบาะไม่ให้ใช้ กะว่าถ้ามีคันไหนที่คาดได้จะชมและทิปให้สัก 100% แต่ก็ยังไม่เคยได้เจอสักที

4 January 2009

4 January 2009

ที่สุดก็ดองข้ามปีจนได้

เกือบจะโพสท์ได้ครบทุกเดือนอยู่แล้วเชียว

เอาเถอะ ไหน ๆ ก็เข็น (อย่างยากลำบาก) จนเครื่องติดแล้ว เรากลับสู่โหมดปกติ (ของบล็อก) กันดีกว่า...

ไล่ย้อนหลังเป็นเรื่อง ๆ ไปเลยแล้วกัน

Happy New Year 2009!

กะจะตั้งริงโทนเพลงพรปีใหม่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ทำ... (แต่ก็ดีแล้ว เพราะแทบไม่มีโทรศัพท์เข้าเลย)

26 December 2008

ขอไม่พูดถึงเรื่องสอบ (ไม่เคยพัฒนา)

ด้วยว่าครั้งนี้สอบช่วงเช้า เลยเหลือว่างอีกครึ่งวัน ครั้นจะกลับบ้านเลยก็รู้สึกใช่ที่ชอบกล แต่แล้วก็ไม่มีที่ไปอยู่ดี

เลยแกร่ว ๆ ดูพวก rotate 4 ถ่ายรูปกันอยู่พักใหญ่ จนกุ้ง-ยุทธนา ชวนเป็นเพื่อนเดินไปเอาเค้กที่สีลม ก็เลยออกมา... แต่ไป ๆ มา ๆ คุณกุ้งเกิดต้องไปตามหากระเป๋าพยาบาลที่ยืมไปเยี่ยมบ้านสัปดาห์ก่อน ก็เลยยังไม่ได้ไปเอาเค้ก ไอ้เราก็... เมื่อกี้คุยเรื่องเห็นป้ายว่า LoFt มาเปิดที่จามจุรีสแควร์ ก็เลย... ไปก็ไปวะ (สอบเสร็จคราวก่อนก็ไปสำรวจจามสแควร์ อะไรมันจะสิ้นคิดขนาดนี้)

ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินไป (ช่างไม่คุ้มเสียนี่กระไร แต่มาโผล่ฝั่ง ถ.ราชดำริแล้ว ก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดนอกจากเดิน) ก็ไปขึ้นลงบันไดเลื่อนสำรวจ ๆ อีกรอบ ก็เจอว่านอกจาก LoFt แล้ว...

Daiso at Chamchuri Square

มี Daiso มาเปิดด้วยแฮะ

(ส่วน LoFt ไม่ยอมให้ถ่ายรูป)

LoFt ก็... ขนาดร้านใหญ่ปานกลางอยู่ สัก 3 unit ได้มั้ง (ตอบละนะ) ส่วน Daiso นี่ เดินเข้าไปนี่ต้องคอยระวังกระเป๋ากลัวจะเกี่ยวอะไรร่วงกราวลงมา

(พูดถึงกระเป๋านี่... วันนี้แบกชีทไปด้วย ก็ไม่ได้เยอะแต่ว่าหิ้วไปหิ้วมาทั้งวัน เลยชักสงสัยว่าพวกผู้หญิงเค้าทนแบกบ้านใส่กระเป๋า Harrods (ปลอม) หิ้วไปมาทุกวันได้ยังไงกัน)

ขึ้นไปศูนย์หนังสือจุฬาฯ เห็น gift set ผ้าขนหนูหรรษา น่ารักดี (แต่ไม่กล้าถ่ายรูป หลังจากเผชิญหน้ากับพนักงาน LoFt มา)

แล้วก็เจอว่าเสื้องานบอลออกแล้ว (อบจ. นี่... แต่ละปีจะทำงานต่อเนื่องกันสักนิดไม่ได้เลยรึไง เว็บเกือบ ๆ จะดีเมื่อไรก็เริ่มใหม่เมื่อนั้น คนจะดูนี่ต้องควานหาใหม่ตลอด) ก็เลยได้จุดหมายไปศาลาพระเกี้ยวต่อ...

เดินต๊อก ๆ ทะลุผ่านซอยข้างคณะบัญชี (หน้าตึกมหิตลาธิเบศร์ ซึ่งตอนแรกชื่อตึกนวัตวิทยาการ) อ๊ะ มีตลาดนัดด้วยแฮะ (เฉียด ๆ เข้าไปดูหน่อย แต่ก็ไม่เคยซื้ออะไร)

เสื้องานบอลปีนี้มีแบบเดียว (ไม่แยกชาย-หญิง) และบอกขนาดเป็นนิ้วครับ

ถูกใจมากมาย... ทำไมไม่ใช้ระบบนี้เป็นมาตรฐานให้หมดนะ จะได้ตัดปัญหาความ [arbitrary] ของขนาดเสื้อที่ช่างเป็นปัญหาตลอดกาลไปได้ซะ

เสื้องานบอล ไซส์ 38

(ตอนที่ไปซื้อนี่ไซส์ 40 กับ 44 หมด ไม่งั้นก็อาจจะพะวงเลือกอยู่อีกนานอยู่ดี)

เรื่องปัญหาขนาดเสื้อนี่เห็นสด ๆ ล่าสุดก็เรื่องเสื้อ extern นี่แหละครับ

แต่อันนี้ปัญหาหลักเกิดจากเสื้อที่ลองกับเสื้อที่ได้จริงขนาดไม่ตรงกันเสียมากกว่า

ขำดี... วันที่ 27 พ.ย. เป็นเทศกาลวิตกจริตหมู่ ไปนั่งยืนดูเพื่อน ๆ ลองเสื้อแล้วลองอีก (เชื่อได้ว่าปุริมลองเปลี่ยนไปเปลี่ยนมากว่า 20 รอบ)

(ที่จริงผู้เขียนก็ไม่ได้น้อยหน้าเท่าไร... หลังจากสั่งไปแล้วโดน psycho ก็ไปวิ่งเต้นขอแก้ เสร็จแล้วก็แก้กลับอีก)

แต่เอาเถอะ ประเด็นก็คือถ้าบอกขนาดเสื้อเป็นตัวเลขตั้งแต่ต้น ก็ไม่ต้องมาตั้งชื่อขนาดให้ผิดไปจากความเป็นจริงเพื่อเพิ่มความมั่นใจของผู้ซื้อให้วุ่นวายอีก (ทำไมเสื้อผู้หญิงถึงมี SSS ถึง M ขณะที่เสื้อผู้ชายมีขนาด S ถึง XXL? เพราะผู้หญิงอยากได้ชื่อว่าตัวเล็กส่วนผู้ชายไม่อยากหรือเปล่า)

...

ได้เสื้อแล้วก็ขึ้นรถป๊อพไปสยาม... (ไม่มีทางอื่นไป เพราะไม่มีแผนไปหอกลางหรือรร.เตรียมฯ และไม่อยากเดิน)

แต่ก็ยังไม่ได้ขึ้นรถไฟฟ้ากลับ เพราะมาสยามแล้วก็ต้องแวะ Kinokuniya/Asia Books พอเป็นพิธีก่อน

และก็เผื่อว่าในฐานะที่เพิ่งสอบเสร็จ อาจจะได้บังเอิญเจอใครด้วย (เรื่องของเรื่องคืออยากอวดเสื้อ)

ขึ้นไป Kino... ติดใจ A History of Thailand (Chris Baker & Pasuk Phongpaichit) ก็เลยเดินไปสำรวจราคา Asia Books (ตาม routine) ปรากฏว่าไม่มีของ แต่ที่สยามดิสฯ มี ก็เลยเดินต๊อก ๆ ไปสยามดิส (แต่ดันเสร่อไม่รู้ว่าเค้ามีงาน Asia Books Carnival ที่ Living Mall ชั้น 3)

ที่ Asia Books สยามดิสฯ ก็เจอผลของปรากฏการณ์กระแสคลื่นซัดถล่มของ Twilight... อะไรมันจะปานนั้น

Twilight series out-of-stock notice at Asia Books

(ป้ายบอกให้ลงชื่อจองหนังสือ)

ได้หนังสือแล้วแต่ยังไม่เห็นเจอใครเลย... (ยังไม่ได้อวดเสื้อ) ก็เลยขึ้นไปสำรวจหน้าโรงหนังดีกว่า (กะว่าเจอชัวร์ ไม่เจอก็จะกลับมาโพสท์บล็อกว่าแปลกที่ไม่เจอใครละ) แล้วก็เจอจริง ๆ: เจอเบิร์ด-นรเชษฐ์ กับเค้ก-กฤษณะ ก็หายประสาทกับเสื้อสักที

ว่าไปแล้ววันนี้ราวกับโรงเรียนครึ่ง กทม. สอบเสร็จพร้อมกันโดยแอบนัดหมายเล็ก ๆ... ทั้งห้าง (โดยเฉพาะโรงหนัง) มีแต่เด็กนักเรียนเต็มไปหมด

เดินไปเดินมาเย็นละ... กลับบ้านได้สักที

จบวัน จบปี (ถ้าสอบไม่ตกน่ะนะ) เตรียมเป็น extern โง่ต่อไป - -'

12 December 2008

สืบเนื่องจากกระทู้นี้ที่บอร์ด DekTriam.net...

(เป็นกระทู้ล็อกเฉพาะสมาชิก... คาดว่าผู้ที่หลงเข้ามาอ่านบล็อกจะมีอยู่ท่านเดียวมั้งที่เป็นสมาชิกบอร์ด ยังไงคนอื่นสงสัยเรื่องเนื้อหาติดต่อหลังไมค์ละกันครับ)

ก็เป็นกระทู้กระแสอีกกระทู้นึง เกี่ยวกับเรื่องที่เป็นข่าวหนังสือพิมพ์เมื่อเร็ว ๆ นี้... แต่ประเด็นที่สงสัยมากคือเรื่องปฏิกิริยาตอบสนองของชาวบอร์ด

เพราะตัวเองอ่านดูแล้วก็รู้สึกอยู่ว่าประชดได้สะใจ+ขำดี และออกชัดเจนมาก แต่คนตอบกระทู้จำนวนมากกลับไม่คิดอย่างนั้น ก็เลยสงสัยว่าสมัยที่อายุเท่านั้นความคิดเรายังตามไม่ทันกันขนาดนั้นเชียวเหรอ หรือว่ามันเป็นความแตกต่างของบุคคลมากกว่า?

(ผู้อ่านบล็อกที่กล่าวถึงเห็นแล้วก็ช่วย comment ด้วยนะครับ)

6 December 2008

เห็นนี่ที่ตลาดมวกเหล็ก...

Game cartridges

ผู้อ่านบางคนอาจจะเกิดไม่ทัน... มันคือตลับเกม (เครื่อง Famicom?) ครับ...

ไม่ได้เก่าแก่มากมายด้วย เห็นตราประทับเจ้าพนักงานบอกว่าปี 2546

ใครยังมีเครื่องอยู่บ้างไหมเนี่ย... เหอะ ๆ

1 December 2008

วันนี้วันเอดส์โลกครับ

ปีนี้เพื่อน ๆ คุ้นเคยกับริบบิ้นแดงกันแล้ว... คำถามจะเป็นว่าวันไหนแทน

พอดีบ่ายวันนี้เป็น SDL (ที่จริงควรไปช่วยรับเสด็จ แต่ไม่มีเสื้อแขนยาว) ช่วงกลางวันก็เลยแวะไปดูงานเทียนส่องใจที่ลานอาสากาชาด

เพิ่งรู้ว่า NGOs ที่ทำงานเกี่ยวกับ HIV/AIDS มีเยอะขนาดนี้...

ซุ้มเยอะแยะมากมาย แล้วที่ต่างก็มีกันหมดก็คือโบรชัวร์แจกจำนวนมาก... แต่เห็นอันนี้แล้วเตะตาที่สุด

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้ในกลุ่มชายรักชาย

เค้าเจาะจงกลุ่มเป้าหมายกันขนาดนั้นเชียว~

(เป็นโบรชัวร์ของคลินิกสุขภาพชาย ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย ครับ)

Motor Expo: What the..?

ผมเคยบ่นเรื่องความตอแหลของสังคมเรื่องโลกร้อนไปแล้ว...

แต่ผมไม่อยากจะเชื่อครับว่าความตอแหลที่ว่านั้นมันจะมากได้เพียงนี้

Motor Expo 2008 ticket

ไม่อยากจะเชื่อครับ

ผมไม่แน่ใจว่าคนคิดใช้ความหน้าด้านหรือความอยู่ในกะลาทำออกมา แต่มันเป็นไปแล้วจริง ๆ

ทุกคนคงทราบกันอยู่แล้วว่าการเผาไหม้เชื้อเพลิงของยานพาหนะเป็นสาเหตุหลักอย่างหนึ่งของภาวะโลกร้อน แต่ทำไมงานที่มีขึ้นเพื่อส่งเสริมการใช้ยานพาหนะดังกล่าวโดยตรงถึงกล้าเอาปัญหาโลกร้อนมาขายได้?

ผมพยายามคิดว่าคงจะพอให้อภัยได้บ้างถ้าในงานมีการนำเสนอเทคโนโลยีที่ช่วยลดการปลดปล่อย CO₂ เป็นจุดเด่น แต่จากการประชาสัมพันธ์ที่เห็น ข่าวที่ออกมา และการสอบถามดู ก็หาได้เป็นเช่นนั้นไม่

ถ้าไม่เรียกว่าตอแหล ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้วครับ

Update: เรื่องโฆษณา

ใน On ads, rhythm and the BTS ผมลืมพูดถึงโฆษณาที่ผมรำคาญอีกชุดครับ...

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=CKqi2IZ4RRI">Link</a><a href="http://www.youtube.com/watch?v=0RhBtCyN_ew">Link</a>

ผมไม่คิดว่าเมืองไทยประกันชีวิตจะได้ประโยชน์จากโฆษณาที่เปรียบเทียบลูกค้ากับคนที่เต้นแร้งเต้นกาบ้า ๆ บอ ๆ กลางถนน หรือคนแก่หูตึง/ความจำเสื่อม/หื่น ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่เป็นภาพแง่ลบทั้งสิ้น ในโฆษณาอันหลัง แม้ว่าโฆษณาจะต้องการสร้างภาพพนักงานให้บริการตอบคำถามได้ทันใจ แต่สารที่ผมได้รับคือภาพความสาระแนและความรู้สึก [patronizing] ที่ไม่เป็นปัจจัยส่งเสริมให้อยากใช้บริการเลย

แต่พูดถึงโฆษณาประกัน ก็มีอันนี้ที่ถูกใจอยู่ครับ

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=WvjAE5qkvZg">Link</a>

โฆษณาประกันชีวิต My Lite ของ Ayudhya Allianz C.P. ครับ ผมรู้สึกว่าองค์ประกอบของโฆษณาช่าง [comic] มาก และได้จังหวะลงตัวพอดี จนเวลาเห็นบนรถไฟฟ้าก็อดยิ้มไม่ได้ และมักจะแทบกลั้นหัวเราะไม่อยู่ทีเดียวครับ (จังหวะที่เศษเค้กหล่น - ไม่แน่ใจว่าผมเป็นอยู่คนเดียวหรือเปล่านะ)

โฆษณาอีกอันที่ไม่ชอบครับ: Federbräu

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=ndYn6nqUn3A">Link</a>

ดูแล้วไม่รู้สึกว่าตัวละครผู้ชายจะเป็นคนดีตรงไหนเลยครับ นอกจากจะเก๊กจนน่าถีบแล้ว ยังแสดงท่าทีจ้องจะกินผู้หญิง หลอกลวง ไม่จริงใจ ฯลฯ ถามจริง ๆ เถอะว่าคนที่เจตนาดีจะมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ตะโกนเรียกตั้งแต่ตอนแรกที่เห็นคนลืมพาสปอร์ตไว้แล้ว?

แต่เอาเถอะครับ ล้างด้วยโฆษณา ปตท. (เติมความผูกพัน) ดีกว่า (feel good จนเกือบจะเอียน)

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=iHdCAw3QDhk">Link</a>

Edit:

มีอีกเรื่องที่ลืมพูดถึงครับ: ถูกใจฉายาแพะการเมือง ที่สมาคมนักข่าวอาชญากรรมแห่งประเทศไทยตั้งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมากมายครับ ตรงใจสุด ๆ - ผมเองยังพูดอยู่หลายครั้งว่าความผิดอย่างเดียวของตำรวจในเหตุการณ์วันที่ 7 คือ [incompetence] เท่านั้นเอง

Last edited 16:28, 4 January 2009

Copyright of posted media are owned by their respective owners.

3 June 2008

โลกร้อน: อย่าดีแต่ปาก สักแต่ว่าพูด

เมื่อปีที่แล้วผมเคยตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับ [awareness] เรื่องภาวะโลกร้อนในประเทศไทยไว้นิดนึง... เอาเข้า ถึงตอนนี้เริ่มเห็นแล้วว่าดูภาวการณ์น่าเป็นห่วงจริง ๆ

เพราะไม่ว่าทั้งภาครัฐหรือเอกชน ต่างฝ่ายก็ยังไม่เห็นมีใครทำอะไรที่ดูจะพอจับต้องได้เป็นชิ้นเป็นอันในอนาคตอันใกล้นี้เลย (หรือผมไม่เห็นเอง?) วัน ๆ เดี๋ยวนี้เห็นมีแต่จะเอาเรื่องภาวะโลกร้อนไปเป็นเครื่องมือหากิน บ้างยังพยายามทำเป็นรณรงค์โน่นนิดนี่หน่อย บ้างก็ทำโลกร้อนเองเสียดื้อ ๆ ด้วยซ้ำ

ความรู้ความเข้าใจของประชาชน และความตระหนักในปัญหา มันไม่ได้สร้างกันง่าย ๆ

เพราะตอนนี้ผมมีเหตุให้ต้องสงสัยอยู่มากทีเดียว ว่าคนที่เข้าใจถึงสาเหตุของภาวะโลกร้อนในช่วงครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา มีมากกว่าคนที่กำลังแตกตื่นกันอยู่เรื่องวันที่จะเกิดภัยพิบัติน้ำท่วมโลกเท่าไรเชียว

ไว้มีเวลาจะมาขยายความแล้วกัน ระหว่างนี้ก็ขอให้คลิกไปอ่านบทความจากจดหมายข่าวกรีนพีซ เดือนกันยายน-ธันวาคม 2550 เรื่อง กรีนพีซปลื้มคนไทยสนใจโลกร้อน เตือนอย่าเห็นเป็น "แฟชั่น" ฮิตแล้วเลิก: แนะต้องเฝ้าจับตานโยบายรัฐ-เร่งปฏิบัติจริงจัง ไปพลาง ๆ ก่อนนะครับ


ป.ล. ผมยังไม่แนะนำให้รีบหาทางซื้อรถที่รองรับน้ำมัน E85 นะครับ ไม่ทราบว่าเร็วแค่ไหนรัฐบาลจะเปลี่ยนนโยบายตามอำเภอใจอีก หรือนานแค่ไหนจะรู้ตัวกันว่าเอาที่นาไปปลูกอ้อยหมดจนไม่มีข้าวกินกันแล้ว

ป.ป.ล. เรื่องน้ำมันแพง มองในแง่หนึ่งก็ [ironic] ดีนะครับ ถือได้ว่าเป็นภาษี CO₂ ที่ไม่ได้ตั้งใจไปในตัว