Showing posts with label Chula. Show all posts
Showing posts with label Chula. Show all posts

3 February 2009

ไม่ได้สังเกตเล้ย...

ผมเป็นผู้บริโภคครับ...

สินค้าที่บริโภคที่จะพูดถึงในที่นี้ คือนมยูเอชทียี่ห้อโฟร์โมสต์ครับ

หน้าตาผลิตภัณฑ์ก็แบบในภาพนี่แหละครับ

เมื่อวานซืน (ดองบล็อก) ก็ดื่มครับ

แต่เอ๊ะ?

ทำไมมันแปลก ๆ...

เพราะด้านบนกล่องเขียนว่า "เขย่าก่อนเปิด" ผมก็เขย่าตามที่บอกไว้อย่างที่เคยทุกที

แต่ทำไมเสียงกระฉอกมันไม่เหมือนเดิม?

..?

อ๊ะ...

ปริมาตรสุทธิ 225 มล.

อ้าว...

ครับ ผู้บริโภคไม่ได้สังเกตเล้ย...

(ที่จริงก็เคยเห็นอยู่หลายครั้งหลากผลิตภัณฑ์แหละครับ แต่ครั้งนี้เป็นการประสบกับตัวเองแบบใกล้ชิดที่สุดเท่าที่เคยเจอมา)


เมื่อวานเพิ่งเห็นก่อสร้างที่คณะครุศาสตร์ ตรงสวนระหว่างอาคารสองฝั่ง รวมถึงบริเวณที่เคยมีร้านน้ำปั่นกับโรงอาหารอยู่ (แต่ร้านน้ำปั่นไม่ได้หายไปไหนหรอกนะครับ แค่ย้ายที่ไป (ความจริงยังไม่เคยกินเลยด้วยซ้ำ น้ำปั่นครุเนี่ย))

จะก่อสร้างอะไรกันนักหนานี่ พยายามกระตุ้นเศรษฐกิจกันจริง

เรื่องของเรื่องก็คือเสียดายครับ สวนตรงคณะครุศาสตร์เป็นภูมิสถาปัตยกรรมภายในจุฬาฯ ที่ผมชอบเป็นอับต้น ๆ เลยทีเดียว ยังไม่นับว่าเป็นที่เดียวในมหาลัยที่นับได้ว่าเป็น quad

สงสัยทีนี้ต่อไปคงต้องจับตาดูสนามระหว่างอาคารไชยยศสมบัติซะแล้ว...

4 January 2009

4 January 2009

ที่สุดก็ดองข้ามปีจนได้

เกือบจะโพสท์ได้ครบทุกเดือนอยู่แล้วเชียว

เอาเถอะ ไหน ๆ ก็เข็น (อย่างยากลำบาก) จนเครื่องติดแล้ว เรากลับสู่โหมดปกติ (ของบล็อก) กันดีกว่า...

ไล่ย้อนหลังเป็นเรื่อง ๆ ไปเลยแล้วกัน

Happy New Year 2009!

กะจะตั้งริงโทนเพลงพรปีใหม่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ทำ... (แต่ก็ดีแล้ว เพราะแทบไม่มีโทรศัพท์เข้าเลย)

26 December 2008

ขอไม่พูดถึงเรื่องสอบ (ไม่เคยพัฒนา)

ด้วยว่าครั้งนี้สอบช่วงเช้า เลยเหลือว่างอีกครึ่งวัน ครั้นจะกลับบ้านเลยก็รู้สึกใช่ที่ชอบกล แต่แล้วก็ไม่มีที่ไปอยู่ดี

เลยแกร่ว ๆ ดูพวก rotate 4 ถ่ายรูปกันอยู่พักใหญ่ จนกุ้ง-ยุทธนา ชวนเป็นเพื่อนเดินไปเอาเค้กที่สีลม ก็เลยออกมา... แต่ไป ๆ มา ๆ คุณกุ้งเกิดต้องไปตามหากระเป๋าพยาบาลที่ยืมไปเยี่ยมบ้านสัปดาห์ก่อน ก็เลยยังไม่ได้ไปเอาเค้ก ไอ้เราก็... เมื่อกี้คุยเรื่องเห็นป้ายว่า LoFt มาเปิดที่จามจุรีสแควร์ ก็เลย... ไปก็ไปวะ (สอบเสร็จคราวก่อนก็ไปสำรวจจามสแควร์ อะไรมันจะสิ้นคิดขนาดนี้)

ขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินไป (ช่างไม่คุ้มเสียนี่กระไร แต่มาโผล่ฝั่ง ถ.ราชดำริแล้ว ก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดนอกจากเดิน) ก็ไปขึ้นลงบันไดเลื่อนสำรวจ ๆ อีกรอบ ก็เจอว่านอกจาก LoFt แล้ว...

Daiso at Chamchuri Square

มี Daiso มาเปิดด้วยแฮะ

(ส่วน LoFt ไม่ยอมให้ถ่ายรูป)

LoFt ก็... ขนาดร้านใหญ่ปานกลางอยู่ สัก 3 unit ได้มั้ง (ตอบละนะ) ส่วน Daiso นี่ เดินเข้าไปนี่ต้องคอยระวังกระเป๋ากลัวจะเกี่ยวอะไรร่วงกราวลงมา

(พูดถึงกระเป๋านี่... วันนี้แบกชีทไปด้วย ก็ไม่ได้เยอะแต่ว่าหิ้วไปหิ้วมาทั้งวัน เลยชักสงสัยว่าพวกผู้หญิงเค้าทนแบกบ้านใส่กระเป๋า Harrods (ปลอม) หิ้วไปมาทุกวันได้ยังไงกัน)

ขึ้นไปศูนย์หนังสือจุฬาฯ เห็น gift set ผ้าขนหนูหรรษา น่ารักดี (แต่ไม่กล้าถ่ายรูป หลังจากเผชิญหน้ากับพนักงาน LoFt มา)

แล้วก็เจอว่าเสื้องานบอลออกแล้ว (อบจ. นี่... แต่ละปีจะทำงานต่อเนื่องกันสักนิดไม่ได้เลยรึไง เว็บเกือบ ๆ จะดีเมื่อไรก็เริ่มใหม่เมื่อนั้น คนจะดูนี่ต้องควานหาใหม่ตลอด) ก็เลยได้จุดหมายไปศาลาพระเกี้ยวต่อ...

เดินต๊อก ๆ ทะลุผ่านซอยข้างคณะบัญชี (หน้าตึกมหิตลาธิเบศร์ ซึ่งตอนแรกชื่อตึกนวัตวิทยาการ) อ๊ะ มีตลาดนัดด้วยแฮะ (เฉียด ๆ เข้าไปดูหน่อย แต่ก็ไม่เคยซื้ออะไร)

เสื้องานบอลปีนี้มีแบบเดียว (ไม่แยกชาย-หญิง) และบอกขนาดเป็นนิ้วครับ

ถูกใจมากมาย... ทำไมไม่ใช้ระบบนี้เป็นมาตรฐานให้หมดนะ จะได้ตัดปัญหาความ [arbitrary] ของขนาดเสื้อที่ช่างเป็นปัญหาตลอดกาลไปได้ซะ

เสื้องานบอล ไซส์ 38

(ตอนที่ไปซื้อนี่ไซส์ 40 กับ 44 หมด ไม่งั้นก็อาจจะพะวงเลือกอยู่อีกนานอยู่ดี)

เรื่องปัญหาขนาดเสื้อนี่เห็นสด ๆ ล่าสุดก็เรื่องเสื้อ extern นี่แหละครับ

แต่อันนี้ปัญหาหลักเกิดจากเสื้อที่ลองกับเสื้อที่ได้จริงขนาดไม่ตรงกันเสียมากกว่า

ขำดี... วันที่ 27 พ.ย. เป็นเทศกาลวิตกจริตหมู่ ไปนั่งยืนดูเพื่อน ๆ ลองเสื้อแล้วลองอีก (เชื่อได้ว่าปุริมลองเปลี่ยนไปเปลี่ยนมากว่า 20 รอบ)

(ที่จริงผู้เขียนก็ไม่ได้น้อยหน้าเท่าไร... หลังจากสั่งไปแล้วโดน psycho ก็ไปวิ่งเต้นขอแก้ เสร็จแล้วก็แก้กลับอีก)

แต่เอาเถอะ ประเด็นก็คือถ้าบอกขนาดเสื้อเป็นตัวเลขตั้งแต่ต้น ก็ไม่ต้องมาตั้งชื่อขนาดให้ผิดไปจากความเป็นจริงเพื่อเพิ่มความมั่นใจของผู้ซื้อให้วุ่นวายอีก (ทำไมเสื้อผู้หญิงถึงมี SSS ถึง M ขณะที่เสื้อผู้ชายมีขนาด S ถึง XXL? เพราะผู้หญิงอยากได้ชื่อว่าตัวเล็กส่วนผู้ชายไม่อยากหรือเปล่า)

...

ได้เสื้อแล้วก็ขึ้นรถป๊อพไปสยาม... (ไม่มีทางอื่นไป เพราะไม่มีแผนไปหอกลางหรือรร.เตรียมฯ และไม่อยากเดิน)

แต่ก็ยังไม่ได้ขึ้นรถไฟฟ้ากลับ เพราะมาสยามแล้วก็ต้องแวะ Kinokuniya/Asia Books พอเป็นพิธีก่อน

และก็เผื่อว่าในฐานะที่เพิ่งสอบเสร็จ อาจจะได้บังเอิญเจอใครด้วย (เรื่องของเรื่องคืออยากอวดเสื้อ)

ขึ้นไป Kino... ติดใจ A History of Thailand (Chris Baker & Pasuk Phongpaichit) ก็เลยเดินไปสำรวจราคา Asia Books (ตาม routine) ปรากฏว่าไม่มีของ แต่ที่สยามดิสฯ มี ก็เลยเดินต๊อก ๆ ไปสยามดิส (แต่ดันเสร่อไม่รู้ว่าเค้ามีงาน Asia Books Carnival ที่ Living Mall ชั้น 3)

ที่ Asia Books สยามดิสฯ ก็เจอผลของปรากฏการณ์กระแสคลื่นซัดถล่มของ Twilight... อะไรมันจะปานนั้น

Twilight series out-of-stock notice at Asia Books

(ป้ายบอกให้ลงชื่อจองหนังสือ)

ได้หนังสือแล้วแต่ยังไม่เห็นเจอใครเลย... (ยังไม่ได้อวดเสื้อ) ก็เลยขึ้นไปสำรวจหน้าโรงหนังดีกว่า (กะว่าเจอชัวร์ ไม่เจอก็จะกลับมาโพสท์บล็อกว่าแปลกที่ไม่เจอใครละ) แล้วก็เจอจริง ๆ: เจอเบิร์ด-นรเชษฐ์ กับเค้ก-กฤษณะ ก็หายประสาทกับเสื้อสักที

ว่าไปแล้ววันนี้ราวกับโรงเรียนครึ่ง กทม. สอบเสร็จพร้อมกันโดยแอบนัดหมายเล็ก ๆ... ทั้งห้าง (โดยเฉพาะโรงหนัง) มีแต่เด็กนักเรียนเต็มไปหมด

เดินไปเดินมาเย็นละ... กลับบ้านได้สักที

จบวัน จบปี (ถ้าสอบไม่ตกน่ะนะ) เตรียมเป็น extern โง่ต่อไป - -'

12 December 2008

สืบเนื่องจากกระทู้นี้ที่บอร์ด DekTriam.net...

(เป็นกระทู้ล็อกเฉพาะสมาชิก... คาดว่าผู้ที่หลงเข้ามาอ่านบล็อกจะมีอยู่ท่านเดียวมั้งที่เป็นสมาชิกบอร์ด ยังไงคนอื่นสงสัยเรื่องเนื้อหาติดต่อหลังไมค์ละกันครับ)

ก็เป็นกระทู้กระแสอีกกระทู้นึง เกี่ยวกับเรื่องที่เป็นข่าวหนังสือพิมพ์เมื่อเร็ว ๆ นี้... แต่ประเด็นที่สงสัยมากคือเรื่องปฏิกิริยาตอบสนองของชาวบอร์ด

เพราะตัวเองอ่านดูแล้วก็รู้สึกอยู่ว่าประชดได้สะใจ+ขำดี และออกชัดเจนมาก แต่คนตอบกระทู้จำนวนมากกลับไม่คิดอย่างนั้น ก็เลยสงสัยว่าสมัยที่อายุเท่านั้นความคิดเรายังตามไม่ทันกันขนาดนั้นเชียวเหรอ หรือว่ามันเป็นความแตกต่างของบุคคลมากกว่า?

(ผู้อ่านบล็อกที่กล่าวถึงเห็นแล้วก็ช่วย comment ด้วยนะครับ)

6 December 2008

เห็นนี่ที่ตลาดมวกเหล็ก...

Game cartridges

ผู้อ่านบางคนอาจจะเกิดไม่ทัน... มันคือตลับเกม (เครื่อง Famicom?) ครับ...

ไม่ได้เก่าแก่มากมายด้วย เห็นตราประทับเจ้าพนักงานบอกว่าปี 2546

ใครยังมีเครื่องอยู่บ้างไหมเนี่ย... เหอะ ๆ

1 December 2008

วันนี้วันเอดส์โลกครับ

ปีนี้เพื่อน ๆ คุ้นเคยกับริบบิ้นแดงกันแล้ว... คำถามจะเป็นว่าวันไหนแทน

พอดีบ่ายวันนี้เป็น SDL (ที่จริงควรไปช่วยรับเสด็จ แต่ไม่มีเสื้อแขนยาว) ช่วงกลางวันก็เลยแวะไปดูงานเทียนส่องใจที่ลานอาสากาชาด

เพิ่งรู้ว่า NGOs ที่ทำงานเกี่ยวกับ HIV/AIDS มีเยอะขนาดนี้...

ซุ้มเยอะแยะมากมาย แล้วที่ต่างก็มีกันหมดก็คือโบรชัวร์แจกจำนวนมาก... แต่เห็นอันนี้แล้วเตะตาที่สุด

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่พบได้ในกลุ่มชายรักชาย

เค้าเจาะจงกลุ่มเป้าหมายกันขนาดนั้นเชียว~

(เป็นโบรชัวร์ของคลินิกสุขภาพชาย ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย ครับ)

Motor Expo: What the..?

ผมเคยบ่นเรื่องความตอแหลของสังคมเรื่องโลกร้อนไปแล้ว...

แต่ผมไม่อยากจะเชื่อครับว่าความตอแหลที่ว่านั้นมันจะมากได้เพียงนี้

Motor Expo 2008 ticket

ไม่อยากจะเชื่อครับ

ผมไม่แน่ใจว่าคนคิดใช้ความหน้าด้านหรือความอยู่ในกะลาทำออกมา แต่มันเป็นไปแล้วจริง ๆ

ทุกคนคงทราบกันอยู่แล้วว่าการเผาไหม้เชื้อเพลิงของยานพาหนะเป็นสาเหตุหลักอย่างหนึ่งของภาวะโลกร้อน แต่ทำไมงานที่มีขึ้นเพื่อส่งเสริมการใช้ยานพาหนะดังกล่าวโดยตรงถึงกล้าเอาปัญหาโลกร้อนมาขายได้?

ผมพยายามคิดว่าคงจะพอให้อภัยได้บ้างถ้าในงานมีการนำเสนอเทคโนโลยีที่ช่วยลดการปลดปล่อย CO₂ เป็นจุดเด่น แต่จากการประชาสัมพันธ์ที่เห็น ข่าวที่ออกมา และการสอบถามดู ก็หาได้เป็นเช่นนั้นไม่

ถ้าไม่เรียกว่าตอแหล ก็ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรแล้วครับ

Update: เรื่องโฆษณา

ใน On ads, rhythm and the BTS ผมลืมพูดถึงโฆษณาที่ผมรำคาญอีกชุดครับ...

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=CKqi2IZ4RRI">Link</a><a href="http://www.youtube.com/watch?v=0RhBtCyN_ew">Link</a>

ผมไม่คิดว่าเมืองไทยประกันชีวิตจะได้ประโยชน์จากโฆษณาที่เปรียบเทียบลูกค้ากับคนที่เต้นแร้งเต้นกาบ้า ๆ บอ ๆ กลางถนน หรือคนแก่หูตึง/ความจำเสื่อม/หื่น ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่เป็นภาพแง่ลบทั้งสิ้น ในโฆษณาอันหลัง แม้ว่าโฆษณาจะต้องการสร้างภาพพนักงานให้บริการตอบคำถามได้ทันใจ แต่สารที่ผมได้รับคือภาพความสาระแนและความรู้สึก [patronizing] ที่ไม่เป็นปัจจัยส่งเสริมให้อยากใช้บริการเลย

แต่พูดถึงโฆษณาประกัน ก็มีอันนี้ที่ถูกใจอยู่ครับ

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=WvjAE5qkvZg">Link</a>

โฆษณาประกันชีวิต My Lite ของ Ayudhya Allianz C.P. ครับ ผมรู้สึกว่าองค์ประกอบของโฆษณาช่าง [comic] มาก และได้จังหวะลงตัวพอดี จนเวลาเห็นบนรถไฟฟ้าก็อดยิ้มไม่ได้ และมักจะแทบกลั้นหัวเราะไม่อยู่ทีเดียวครับ (จังหวะที่เศษเค้กหล่น - ไม่แน่ใจว่าผมเป็นอยู่คนเดียวหรือเปล่านะ)

โฆษณาอีกอันที่ไม่ชอบครับ: Federbräu

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=ndYn6nqUn3A">Link</a>

ดูแล้วไม่รู้สึกว่าตัวละครผู้ชายจะเป็นคนดีตรงไหนเลยครับ นอกจากจะเก๊กจนน่าถีบแล้ว ยังแสดงท่าทีจ้องจะกินผู้หญิง หลอกลวง ไม่จริงใจ ฯลฯ ถามจริง ๆ เถอะว่าคนที่เจตนาดีจะมีเหตุผลอะไรที่จะไม่ตะโกนเรียกตั้งแต่ตอนแรกที่เห็นคนลืมพาสปอร์ตไว้แล้ว?

แต่เอาเถอะครับ ล้างด้วยโฆษณา ปตท. (เติมความผูกพัน) ดีกว่า (feel good จนเกือบจะเอียน)

<a href="http://www.youtube.com/watch?v=iHdCAw3QDhk">Link</a>

Edit:

มีอีกเรื่องที่ลืมพูดถึงครับ: ถูกใจฉายาแพะการเมือง ที่สมาคมนักข่าวอาชญากรรมแห่งประเทศไทยตั้งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมากมายครับ ตรงใจสุด ๆ - ผมเองยังพูดอยู่หลายครั้งว่าความผิดอย่างเดียวของตำรวจในเหตุการณ์วันที่ 7 คือ [incompetence] เท่านั้นเอง

Last edited 16:28, 4 January 2009

Copyright of posted media are owned by their respective owners.

6 February 2008

6 February 2008

วันนี้เลิกครึ่งวัน (ตามตารางของวอร์ดเด็ก)

ที่จริงก็มีงานต้องทำเยอะแยะ แต่หนึ่งในภารกิจที่ต้องทำคือไปรับใบรับรองฯ ที่ขอ สทป. ไว้ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่แล้ว

ก็เลยออกเดินทางหลังรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ ทีแรกว่าจะไปขึ้นรถโดยสารภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (รถป๊อป? ปอพ.? ← ตกลงมันสะกดยังไง) ก็ขอตั๋วจากพัชรพรรณแล้วเดินไปศาลาพระเกี้ยว

ที่จริงเราไม่ควรจะต้องขอตั๋วเพื่อไปขึ้นรถ

เพราะเห็นโฆษณาอยู่ครึกโครม (ที่ป้ายรถ) ว่าใช้บัตร Smart Purse ได้

การที่จริง ๆ แล้วใช้ไม่ได้ตามที่โฆษณาก็ควรจะเป็นเหตุผลให้เราขึ้นรถฟรี ไม่ใช่ต้องลำบากหาตั๋วมาขึ้นรถ

(แต่ก็ยังไม่กล้าทำอย่างนั้นน่ะนะ)

เอาเถอะ ไปถึงศาลาพระเกี้ยว (แวะไปตากแอร์ศูนย์หนังสือพักหนึ่ง) ก็รู้สึกว่า เดินมาขนาดนี้แล้ว เดินต่ออีกนิดเดียวก็ถึง สทป. แล้ว ไม่คุ้มรอรถสาย 2 เอาซะเลย

ก็เลยเดินไป... เลี้ยวซ้ายหอนาฬิกา (ใช่ที่เรียกว่าสามแยกปากหมาหรือเปล่า) ผ่านหน้าหอประวัติฯ มีนิทรรศการ ร.6 ที่เลยกำหนดเวลามาแล้วแต่ยังไม่ได้เก็บออกแสดงอยู่ แต่ไม่ได้เข้าไปดู

เกิดอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมา ก็เลยว่า... แวะเข้าห้องน้ำจามจุรี 5 ก็คงได้ แต่ไม่เคยแฮะ มีให้เข้าหรือเปล่าก็ไม่รู้

เลยว่าแวะเข้าห้องน้ำชายที่ใหญ่ที่สุดในจุฬาฯ ดีกว่า

ห้องน้ำที่ว่าหมายถึงห้องน้ำตึกชีววิทยา 1 คณะวิทยาศาสตร์ ใครที่เคยใช้บริการคงจะนึกออกว่ามันพื้นที่โอ่โถงขนาดไหน

อืมม... ไหน ๆ ก็มาตึกนี้แล้ว แวะขึ้นไปดูพิพิธภัณฑ์ฯ หน่อยดีกว่า เดี๋ยวนี้หน้าตาเป็นยังไงแล้วนะ... ยังไงก็ต้องรอ สทป. เปิดบ่ายโมงอยู่ดี

ก็เลยได้มาแวะชม พิพิธภัณฑสถานธรรมชาติวิทยาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อีกครั้ง (เหมือนจะไม่เคยมาตั้งแต่ตอน สอวน. มั้งถ้าจำไม่ผิด)

ท่าทางเหมือน ๆ เดิมเลยแฮะ... (คือให้ความรู้สึก "พิพิธภัณฑ์" ตามความหมายที่คุ้นเคยในภาษาไทย ว่าเป็นที่เก็บวัตถุโบราณ มากกว่าที่ให้ความรู้ แต่นั่นก็อีกประเด็นที่ยังไม่ขอพูดถึงดีกว่า)

แต่กระนั้น [collection] แต่ละอย่างก็น่า [fascinating] ไม่น้อยอยู่ดี...

เอาเถอะครับ มาถึงประเด็นที่จะอวดใน blog post นี้ดีกว่า...

ข้างทางเข้า ก็มีโต๊ะสมุดเยี่ยมชมอยู่... เป็นสมุดเยี่ยมชมที่ดูใช้มาหลายปีแล้ว (ยังไม่เต็มสักที)

ลองพลิก ๆ ดู... อ๊ะ...

!

ตายละ ตอนนั้นใคร (อาจารย์อะไร) คิดผิดให้เราเป็นคนลงชื่อไว้เนี่ย จำไม่เห็นได้เลย...

(ว่าแต่เห็นชื่อกิตติศักดิ์ สิงห์พิทักษ์เมธา ด้วยแฮะ ที่เคยเห็นพูดถึงว่าเคยเข้าค่าย สอวน.ชีวะ คือค่ายนี้เองหรอกเหรอ อืมม...)

แต่พูดถึงเรื่องค้นชื่อเก่า ๆ ใน guest book นี่... เหมือนตอนไปพระราชนิเวศน์มฤคทายวันเลยแฮะ...


3rd Anniversary

แถมอีกเรื่องพ่วงไว้ใน post เดียวกันแล้วกัน ไหน ๆ ก็หัวเรื่องว่า 6 February 2008 แล้ว...

Link: Zerothman: 3rd Anniversary

วันนี้ก็ครบรอบสามปีของบล็อกนี้เหมือนกันครับ

ขอพูดถึงซะหน่อย (เลียนแบบ NuttyGM Zerothman)*

แต่เนื่องจาก post แรก ยังไม่สมควรนับเป็นการเริ่ม blog ก็เลยเก็บ 3rd anniversary ไว้พูดถึงตอนครบรอบ post ที่ 2 ดีกว่า

(ถ้าจะได้พูดถึงน่ะนะ)


* Referring to: Placeholder...

1 December 2007

1 December 2007

วันนี้ (วันที่ 1 ตอนเริ่มเขียน) มีเรื่องให้กล่าวถึงหลายเรื่องทีเดียว... ก็เลยจะขอแยกพูดถึงเป็นหัวข้อ ๆ แล้วกันนะครับ

World AIDS Day 2007

บางคนอาจจะสังเกต ว่าปีที่ผ่าน ๆ มาผมจะติดริบบิ้นสีแดงในสัปดาห์ก่อนวันเอดส์โลก (1 ธันวาคม) จนเกือบจะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติส่วนบุคคลอย่างหนึ่งไปแล้ว ซึ่งปีนี้อย่างน้อยก็นับว่าเป็นการประชาสัมพันธ์วันเอดส์โลกที่จะมาถึงอย่างได้ผลระดับหนึ่ง เพราะเกือบทุกคนที่เจอหน้ากันสัปดาห์ที่ผ่านมาล้วนถามว่าติดทำไม (สำเร็จ... 55+)

เรื่องความเข้าใจ เห็นใจผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่กับเชื้อ HIV นี้ ผมเคยพูดกับเพื่อน ๆ อยู่หลายครั้ง ว่าการจะแก้ stigma เปลี่ยนค่านิยม ความเชื่อของสังคมนั้นมันยากแค่ไหน ขนาดเราเองที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ ที่เรียนอยู่โดยตรง ถึงจะรู้ดีแค่ไหน ก็ยังกลัว ยังหวาดจนเกินความพอดีอยู่ไม่น้อย เวลาที่ทำงานกับผู้ป่วยที่มีเชื้อ HIV

ช่วงเดือนที่แล้ว ผมและเพื่อน ๆ ในกลุ่มได้ปฏิบัติงานบนหอผู้ป่วยวชิราวุธล่าง ซึ่งก็ได้มีโอกาสสัมผัสกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV จำนวนไม่น้อย (เกือบ 50% ในบางช่วง) และในการปฏิบัติงานนั้นก็มีการทำหัตถการที่ต้องสัมผัสกับสารคัดหลั่งของผู้ป่วยอยู่ไม่น้อย สิ่งที่ผมพบคือ ความกลัวที่ว่านั้น พอทำงานไปพักหนึ่งมันเริ่มชิน เริ่มลืมที่จะกลัวครับ (จนบางครั้งก็ยังต้องคอยเตือนตัวเองเรื่อง precaution อยู่) พอความกลัวเริ่มลดลง ก็เริ่มมีที่ให้กับความเห็นอกเห็นใจ และที่สำคัญ คือความหวัง ที่ความก้าวหน้าทางการแพทย์ จะช่วยให้ผู้ป่วยที่ต้องตายสถานเดียวเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว จะมีโอกาสดำรงชีวิตที่มีคุณภาพได้ในสังคม

แต่ [keyword] ก็คือสังคมนั่นเอง

ช่วยกันนะครับ ทุกคน

(ที่ว่ามาว่าการรักษามันดีขึ้น ไม่ได้เป็นเหตุผลให้ความป้องกันสำคัญน้อยลงนะครับ ในทางตรงข้าม การตระหนักถึงอันตรายนี้เป็นสิ่งที่สังคมเรากำลังสูญเสียไปอย่างรวดเร็ว... ขอให้ช่วยกันอีกข้อ... นะครับ)

ป.ล. ทีแรกว่าจะพูดถึง compulsory license ด้วย... แต่ขี้เกียจละ

สอบภาษาอังกฤษ (CU-TEP) ภาษาไทย คอมพิวเตอร์ สำหรับนิสิตชั้นปีที่ 4

คณะเราส่วนเอนทรานซ์+โอลิมปิกวิชาการ ก็มีอยู่เกือบร้อยเก้าสิบคน สมัครมาสิบกว่าคน ปรากฏว่าไปสอบกัน 5 คน - -'... แต่ก็ได้มาเจอเพื่อน ๆ โครงการกับพี่นิวแทรคที่โดนบังคับ (?) มาสอบ

สอบครั้งนี้สอบที่อาคารจุฬาพัฒน์ 4 ห้อง 421 ทีแรกก็เอ๋อไปเหมือนกัน ว่า จุฬาพัฒน์นี่มันอยู่ส่วนไหนของจุฬาฯ เนี่ย เปิดไปเปิดมาปรากฏว่ามันคือห้องเรียนวิชา Human Relations ตอนปี 1 นั่นเอง ก็เลยได้ไปทานข้าววิทย์กีฬารำลึกความหลังเมื่อยังเยาว์วัย (ทำไมมันเหมือนน้านนนน นานมาแล้วนะ?)

พูดถึง... เพิ่งได้มีโอกาสอ่านป้ายตรงสวนหินอ่อนหน้าอาคารจุฬาพัฒน์ 7 (สำนักงานสำนักวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา)

นึก ๆ ดูก็ขำอยู่หน่อย... ตอนไปโรมเห็นเค้ามีของแบบนี้ที่เก่าสองพันปี ของเราเก่าร้อยปี

สอบ ก็... CU-TEP ก็ไม่มีอะไร เรื่อย ๆ (แต่ข้อ 100 โจทย์ผิดชัด ๆ) แต่ภาษาไทยนี่สิ... อ่าน-ฟัง-เขียน ไม่มีตัวเลือกสักข้อ ซีดเลย~ ยิ่งตอนที่ให้เขียนบทความนี่... เขียนอะไรก็ไม่รู้ที่นึกได้เกี่ยวกับหัวข้อที่ให้ไป โดยไม่ได้ใช้ความรู้ความสามารถทางภาษาไทยแม้แต่น้อย

ส่วนสอบคอมพิวเตอร์ ที่แต่ละคนต่างสงสัยกันว่าสอบยังไง... ปรากฏว่าข้อสอบนี่หลากหลายสุด ๆ... มาตอนแรกก็ถามวิธีใช้ Windows, Microsoft Office ทั่ว ๆ ไป พื้นฐานบ้าง [advanced] ขึ้นหน่อยบ้าง มากลาง ๆ เริ่มถามเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต เน็ตเวิร์ค ฮาร์ดแวร์ จนถึงข้อ 80 กว่า ๆ (เต็ม 100) นี่เป็นเนื้อหาวิชาคอมพิวเตอร์ตอน ม.4-5 (ที่ลืมไปหมดแล้ว) ซะงั้น ทั้งเรื่องภาษา ระบบจัดการข้อมูล เล่นเอามึนไปเลย

เอาเถอะ... ถือว่าสอบขำ ๆ นี่เรายังห่างไกลการเรียนจบกว่าคนอื่นอีกกี่เท่าไม่รู้ (เอ๊ะ แต่ผลสอบนี่มันลง transcript หรือเปล่านะ~ แย่แล้ว...)

รักแห่งสยาม

ทีแรกกะว่าเอาเป็นหัวข้อ blog post นี้ดูจะตามแฟชั่นเค้าหน่อย แต่อย่าเลย ไม่ได้มีอะไรจะพูดถึงเท่าไร

ก็เป็นว่า วันนี้ยังไงก็รอพ่อแม่มารับ แล้วก็ไม่อยากเสี่ยงรอถึงปลายเดือน (ความจริงความอดทนไม่มี) หลังสอบว่าง ๆ... อยู่แถวนั้นด้วย ก็เลยตัดสินใจไปดูมันเปลี่ยว ๆ คนเดียวนี่แหละ (ไม่รู้จะชวนใคร - เหมือนคนที่กะจะดูก็ดูกันหมดแล้ว)

ก็เหมือนเดิมแหละนะ วิเคราะห์วิจารณ์ภาพยนตร์ไม่เป็น แต่ความรู้สึกที่ไปดูมาก็ว่า satisfying ดีมาก ๆ ถึงแม้จะมีประเด็นที่ไม่ค่อยเข้าใจอยู่มากพอควรเลยทีเดียว (ความจริงดูหนังก็ไม่ค่อยจะเคยเข้าใจอะไรทันอยู่แล้ว)

แต่โรงหนังก็ยังเสียงดัง... มาก... แถมหนาวสุด ๆ อีก (น่ะนะ ก็ไม่ได้วางแผนอะไรก่อนไปดูเลยแม้แต่น้อย)

สรุป: ดี ๆ... ต้องรอทดสอบว่าถ้าดูซ้ำ (ไม่ดูในโรงหรอก) แล้วจะยังอยากดูรอบ 3 อีกหรือเปล่า...


มีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่านะ... นึกไม่ออกละ จบแค่นี้แล้วกัน สวัสดีครับ

21 January 2007

TU-CU Traditional Football 63rd

โอยเหนื่อย...

ก็ตามชื่อเรื่อง วันนี้ (ตอนเริ่มเขียน - วันที่ 20) มีการแข่งขันฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งที่ 63...

ทีนี้เรื่องก็มีความเดิมอยู่ว่า ตั้งแต่อยู่จุฬาฯ มาก็ยังไม่เคยจะขึ้นสแตนด์งานบอลเลย (ถึงจะมาทุกครั้งก็เถอะ) ทั้งนี้ก็เนื่องจากตอนปี 1 ไปอยู่ในขบวนพาเหรด "ก้าวน้อย ๆ ตามรอยพระยุคลบาท" ก็เลยได้ดูแต่จากสแตนด์สตาฟตอนหลัง ส่วนปีที่แล้วก็มาเจอเพื่อน ๆ ซึ่งบางคนก็ต้องรีบกลับ + ไม่มีเสื้อ ก็เลยไปดูสแตนด์เสียตังกัน (ซึ่งสุดท้ายแล้วก็ปรากฏว่าไม่ได้รีบกลับอยู่ดี) ด้วยความเสียดาย นางสาว อ. ก็เลยนัดกันว่าปีหน้า (คือปีนี้) จะมาขึ้นสแตนด์กัน

แต่ไป ๆ มา ๆ ปรากฏว่าด้วยความที่ใกล้สอบ นางสาว อ. ก็เลยไม่กล้าไป แต่ทีนี้ไอ้เราด้วยความที่รู้ว่าถึงไม่ไปวันนี้ก็ไม่ได้อ่านหนังสืออยู่ดี ก็ไม่ยอมเลิกล้มความตั้งใจที่จะไปขึ้นสแตนด์ในปีนี้ (เพราะไม่งั้นมีหวังจะไม่มีโอกาสอีกแล้ว) ก็ลองถามคนอื่นดูบ้าง อย่างตุลย์-อิทธิกร ซึ่งนางสาว อ. บอกว่าอาจจะมา ก็ยังพูดอยู่ว่าไม่แน่ใจ ไป ๆ มา ๆ ก็นัดใครไม่ได้สักคน

จนถึงเช้าวันเสาร์ที่ 20 ก็ยังไม่รู้จะเอายังไงดี (แต่ก็ยังตั้งใจจะไปอยู่นะ อุตส่าห์ไปซื้อเสื้อจากชั้น 3 ตั้งกะยังไม่ค่อยจะมีขาย) ก็ทานข้าว นั่งทำครอสเวิร์ด + Sudoku ใน Bangkok Post ไปอย่างละครึ่งนึง แล้วก็ขึ้นมาลองเปิด messenger เผื่อกุ้ง-ยุทธนาจะทิ้ง message ไว้ (ถามไปตอนที่พี่แกออนทิ้งไว้ทั้งวันทั้งคืน เพราะเห็นเป็นคนเดียวที่ตั้งชื่อเกี่ยวกับงานบอล) ก็มีไอซ์-ยอดยิ่ง ถามว่าจะไปหรือเปล่า ก็ยังไม่ได้รายละเอียดอะไร

เอาวะ เดี๋ยวมื้อเที่ยงแล้วออกไปเลยละกัน (แบบว่านั่งทำครอสเวิร์ดอยู่นาน/ไม่ได้กะว่าจะรีบไป ปีที่แล้วงานเริ่มสแตนด์ยังเพิ่งจะเต็ม) ก็ออกจากบ้านไปพร้อมสัมภาระอันได้แก่กระเป๋า (ที่ข้างในมีร่ม 1 คัน) เวลาก็เกือบ ๆ เที่ยงครึ่ง

คิดไปคิดมา ถ้ารอสองแถวไปต่อรถเมล์ (รถโดยสารประจำทาง)/รถตู้ ปากซอย คงจะเสียเวลาเดินทางไม่น้อยกว่าชั่วโมงครึ่ง ก็เลยเรียกแท็กซี่ไปรถไฟฟ้าหมอชิต ก็ตัดสินใจผิดนิดหน่อยที่ไปหลักสี่แทนที่จะขึ้นทางด่วน ซึ่งจริง ๆ แล้วก็คงเสียตังไม่ต่างกันเท่าไร แต่ก็ไม่เสียหายอะไร (คือสิ่งที่คิดตอนนั้น)

ก็ขึ้นรถไฟฟ้ามา... ก็เห็นมีเสื้อเหลือง/เสื้อ ชมพูกระจายกันไป จนถึงสนามกีฬาฯ ก็มีเรื่องประหลาด ไอ้บัตรผ่านฉลาดนี่มันดันไม่ยอมให้ออก... code 4 ให้ติดต่อห้องจำหน่ายตั๋ว - ได้รับแจ้งว่าบัตรไม่ register การเข้าระบบ (ซะงั้น) แต่เนื่องจากความไม่สังเกต ก็เลยไม่รู้ว่าโดนกินเที่ยวเดินทางไปหรือเปล่า (แต่ก็ไม่ได้ห่วงอะไร เพราะเดือนนี้จะใช้ไม่หมดอยู่แล้ว)

อ้ะ ไม่เป็นไร ไปสนามศุภฯ ตามที่ตั้งใจไว้ดีกว่า ก็ไปเข้าประตูหน้าศูนย์ฯ ตรวจกระเป๋า แล้วก็เดินไปทางสนามศุภฯ... เอ ยังเพิ่งจะบ่ายโมงนิดเดียว แวะไปดูเค้าเตรียมพาเหรดที่สนามเทพหัสดินดีกว่า ก็เข้าไป อืมม มีน้องคณะเราอยู่บ้าง แล้วก็มีน้องบุช (ขอโทษครับ ชื่อผมเองครับ (<-- ผิดกฎข้อ 4)) กับเน็ท-พันธ์กวี ที่กะว่าคงเจออยู่แล้ว แล้วก็ท่าทางจะได้บัตร all-area มาสมใจ แต่ทำไม... ชื่อ... โน้ต แพทย์ ปี 5 แต่เป็นรูปเน็ทซะงั้น~

ก็ไม่มีอะไร แวะคุย + นั่งพักอยู่เกือบ 10 นาที (เน็ทยังพูดถึงว่าสงสัยสแตนด์จะเต็มช้า/ปีนี้ดูเงียบ ๆ /... อยู่) ก็ลัดออกประตูหลัง จะไป Gate 20 ตามที่เค้านัด แต่...

เอ่อ...

ทำไมแถวมันยาวซะขนาดนั้นล่ะ~ ?!!

ก็ต่อคิวไป เดี๋ยวคงได้ขึ้นแหละ ท่าทางจะมาทันพอดี (กะว่ามีคนอยู่ข้างหน้าสัก 200-300 คน)...

หรือเปล่าหว่า... เจอเปา-ประธานกับบิ๊ก-ปริญญา ก็ทักแป๊ปนึงแล้วหันตามไปมอง - เหยย ทำไมแถวมันงอกเร็วขนาดนั้น~ - สักพักเห็นคนวิ่งไปมา/เสียงคนในลำโพง บอกว่าใกล้จะเต็มแล้ว/อีก 50 ที่/ต่าง ๆ นานา กลุ่มที่อยู่ข้างหลังก็คุยกะเพื่อนที่มาจากใกล้ ๆ ประตูว่าจะได้เข้าเปล่าเนี่ย ก็... อะไรกันเนี่ย~ มาช้าไปจริง ๆ เหรอนี่

ก็ปรากฏว่า... บ่ายโมงครึ่ง สแตนด์เต็ม~

แหม่ ก็ไม่ใช่ไม่ดี แต่ว่ามันก็ทำเอาเซ็งเหมือนกันนะ อุตส่าห์ถ่อออกจากบ้านมา... (เรื่องนี้ตอนหลังคุยกับพวกกิ๊ฟ ลงมติได้ว่า สาเหตุหลักที่ปีนี้สแตนด์เต็มเร็วขนาดนี้ก็คือ ถุงยังชีพสุดหรู นั่นเอง)

โอ่วว... แล้วจะเอาไงดีเนี่ย... กะมาขึ้นสแตนด์แท้ ๆ... ตอนนั้นเค้าก็ยังเปิดให้ขึ้นสแตนด์สำรองอยู่ แต่ไอ้ตรงนั้นเราก็เคยนั่งดูแล้วนี่นา คนรู้จักแถว ๆ นี้ก็ไม่มี ก็เลยแวะไปซุ้มปฐมพยาบาล (ที่เน็ทชี้ตำแหน่งให้ตอนผ่านไปเมื่อกี้) ก่อนดีกว่า ก็เจอพี่ ๆ ปี 5 + น้องตั้ม อยู่... เกร็กเกร่อยู่แถวนั้นสักพักก็เจอบุ๊ค-นรวีร์กับปั๊ป-ศรัณย์พัฒน์ เห็นมีพี่เอส-ทวีกฤตย์ แล้วหลังจากนั้นก็เจอกิ๊ฟ-รุจิเรศ ลำปาง-นิรชรา แล้วก็ส้ม-สุรัตนา มาด้วยกันอีกกลุ่ม แล้วก็มีกุ้ง-ยุทธนาที่มากับพวกหลีดปีศาจ

ก็คุย/บ่นกันอยู่นานพอควร ว่าสแตนด์เต็มเร้วเร็ว แล้วก็จะทำยังไงดี ซึ่งก็มีทั้ง ขึ้นสแตนด์จ่ายตัง (฿200/แต่ก็เคยขึ้นแล้ว) ไปซื้อเสื้อเหลืองขึ้นสแตนด์ธรรมศาสตร์ (฿180 แต่ก็ร้องเพลงธรรมศาสตร์ไม่เป็น) รอหาช่องขึ้นสแตนด์สตาฟ (ซึ่งก็เคยแล้ว) หรือแม้กระทั่งไปดู Love&Learn ที่ รร.เตรียมฯ

อยู่พักใหญ่... จนเกือบ ๆ บ่ายสาม ก็เห็นเค้าเหมือนจะให้เข้าได้ ก็เลยเข้าไปกับกิ๊ฟ-ส้ม-ลำปาง ก็ไปนั่งสแตนด์สำรองนั่นแหละ (ก็ยังดีกว่าหันหลังกลับบ้านหรือต้องเสียตังล่ะนะ) มองไปสแตนด์ธรรมศาสตร์ก็ โอ่ว... ทำไมมีคนนั่งครึ่งสแตนด์ ที่จริงที่ว่าไปขึ้นสแตนด์ธรรมศาสตร์ก็ดูไม่เลวนะเนี่ย

ก็เลยนั่งดูอยู่ตรงนั้นแหละ คนก็มีเข้ามาเรื่อย ๆ (สรุปว่าตุลย์ก็มา) ที่จริงกิ๊ฟนัดกับเมย์-รุจิราไว้อีกคน แต่ที่สุดแล้วก็ไม่ได้มานั่งด้วย ส่วนยอดยิ่งก็โทร.คุยกันอีกสองสามครั้ง แต่ตอนที่มาถึงก็ไม่ให้ขึ้นแล้ว ก็เลยรู้สึกจะไปนั่งสแตนด์จ่ายตัง

เรื่องก็เป็นอย่างนี้... สรุปผลบอลก็ออกมา...

ยังสิ! ยังไม่จบ มีเรื่องผจญภัยต่อ...

ก็บอกแล้วว่าเป็นสแตนด์สำรอง นั่ง ๆ ไปเค้าก็จะมาเรียกขอคนไปแทน ตอนแรกก็ไม่รู้จะไปดีเปล่า แต่กิ๊ฟก็สนับสนุน (กิ๊ฟอยากได้หมวก) ก็เลยต้องพยายามเสนอหน้าอยู่หลายครั้ง จนในที่สุดช่วงจะเริ่มครึ่งหลังถึงได้ไปนั่ง... เย้ ๆ

ได้ไปนั่ง V2... ทีนี้ก็ตื่นเต้นใหญ่สิ ไม่เคยขึ้นสแตนด์แปรอักษรมาก่อน เอาไงดีเนี่ย ของอะไรไม่รู้เต็มไปหมด... เอ่อ~ ที่จริงก็ไม่ขนาดนั้นหรอก เห็นก็พอจะรู้อยู่ว่ามือเอาไว้ตบ ร่มเอาไว้กาง คนข้าง ๆ ก็ช่วยแนะนำนิดนึง แต่มันก็ยัง มีทั้ง 1:16 1:1 โค้ดโต้ตอบ โค้ดต่อเนื่อง ฯลฯ แล้วอันไหนมันใช้กับอะไรเนี่ย~ หาไปหามาพักนึงถึงเจอใบ key - เฮ่อ รอดแล้ว

ระหว่างเรื่องราวทั้งหมดนี้การแข่งฟุตบอลกับกิจกรรมต่าง ๆ หน้าสแตนด์ก็ยังมีอยู่ตลอด เพียงแต่ด้วยความ narcissistic ก็เลยจะพูดถึงแต่ตัวเองน่ะนะ...

เรื่องต่อจากนี้ก็ไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น ก็ได้ขึ้นสแตนด์สมใจ ที่จริงก็มาซะเกือบจะจบแล้ว แต่ก็ได้มีส่วนร่วมล่ะ

... มาถึงตอนงานจบ ก็ประกาศผล พิธีปิด อธิการบดีมาพูด (ถึงบอลจะเสมอ แต่อย่างอื่นเราชนะหมด) ฯลฯ เสร็จแล้ว... เค้าก็ขอให้ทำประเมินผล ซึ่งอยู่ในหนังสืองานบอล เราก็... ถุงยังชีพอยู่ไหนหว่า ด้วยความที่มาตอนจะเลิกก็เลยยังไม่ได้เปิดดูอะไรเลย แล้วก็ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้อะไรด้วย เพราะมาต่อเค้า แต่ก็ปรากฏว่า...

โอ้ว คนที่อยู่ก่อนหน้าทิ้งไว้ให้ ทุกอย่างเลย (ที่จริงตอนมาถึงข้าวก็ยังอยู่ แต่ตอนนั้นคนอื่นก็กินกันหมดแล้ว เลยไม่ได้ทาน) มีของกินพร่องไปหน่อย แต่อย่างอื่นครบ (โดยเฉพาะหมวก + ถุง (<-- มาด้วยใจน้า ไม่ได้มาเพราะอยากได้นี่ (แต่ได้ก็ดีใจ 55+))) งานนี้ถือเป็นบุญหล่นทับได้ทีเดียวมั้งเนี่ย... เพราะตั้งแต่นั่งมาก็เพิ่งจะมานึกถึงว่ามี (แบบว่าตื่นเต้นเวอร์)

ก็เลยเป็นอันว่า Happy Ending...

ยัง!

ถ้าเรื่องมีแค่นี้ก็ไม่มาเขียน blog ให้เมื่อย thenar หรอก (เริ่มจิ้มใน PocketPC บนรถไฟฟ้า)...

...งานจบก็มีคอนเสิร์ต... ตอนแรกก็คิดอยู่ว่าจะออกไปก่อนเลยดีหรือเปล่า (ซึ่งถ้าไปซะก็คง happy ending อย่างที่ว่าแล้ว) แต่ก็ จะรีบไปไหนทำไม อยู่ให้ถึงจบสิ ก็เลยดูอยู่ถึงเลิก ทีนี้... ทีนี้... เค้าก็ขอให้ช่วยเก็บของ ซึ่งถ้าเราอยู่กับที่แล้วส่งของเฉพาะส่วนของตัวเองแล้วให้สต๊าฟไลน์จัดการ ที่เหลือเองก็คงไม่มีอะไร แต่ตรงรอบ ๆ ที่นั่งอยู่ (โดยเฉพาะแถวหน้า) คนก็กลับกันไปเยอะแล้ว ก็เลยไปช่วยแยกของจากถุงที่ไม่มีคนประจำอยู่ แรก ๆ ก็ไม่มีอะไร... ส่ง 1:16 ไปทางซ้าย... 1:1 สีขาว-ดำ... สีเหลือง-ส้ม... ไปเรื่อย ๆ ของก็เริ่มกระจาย ก็เลยเริ่มไม่อยู่กับที่มากขึ้น ๆ ก็เอาสมบัติที่ได้มาวางไว้ก่อน แล้วหันไปแยกของอีกแถวนึง...

พอหันกลับมา - มันหายไปแล้ว~

...

ก็แบบว่า... เซ็งแสดด

กิ๊ฟเลยอดได้หมวกเลย (ความจริงถ้าไม่หายก็ไม่ให้ฟรี ๆ หรอก )

มองซ้ายมองขวา ไม่เหลืออันไหนวางอยู่ที่ไม่มีเจ้าของเลย (ซะงั้น) ก็เลย เฮ่อ... เอาเถอะ ช่วยเค้าเก็บของต่อก็ได้...

ความจริง ก็บอกแล้วไม่ได้อยากได้หมวด/ถุง ขนาดนั้นหรอก แต่จะเก็บอย่างอื่นไปแทนก็ใช่ที่ เพราะไม่ได้อยากได้ไอ้แท่ง Samsung นั่นขนาดนั้น (แบบว่าเกลื่อนเต็มไปหมด) แล้วจะไปค้นถุงที่ทิ้งเกลื่อน ๆ อยู่หาหนังสืองานบอล (ที่อยากได้เป็นที่ระลึกมากกว่า) ก็ใช่ที่ (ทำนองว่าไม่ครบเซ็ทก็ขี้เกียจหอบกลับ) ก็เลยสรุปว่างานนี้ เก็บของกลับบ้านเท่ากับที่หอบมา คือตัว หัวใจ และกระเป๋ากับร่มข้างใน...

+ แต้มสะสมอีกหนึ่ง: ได้ขึ้นสแตนด์งานบอลแล้ว เย้...