Showing posts with label For Better or For Worse. Show all posts
Showing posts with label For Better or For Worse. Show all posts

31 August 2008

For Better or For Worse

ครับ... ก็จบบริบูรณ์ไปแล้วนะครับ สำหรับ For Better or For Worse โดย Lynn Johnston ซึ่งดำเนินเรื่องให้ผู้อ่านชาวแคนาดาและทั่วโลกได้ติดตามกันมายาวนานถึง 29 ปี

บางคนอาจพอคุ้นเคยกับชื่อการ์ตูนช่อง [comic strip] การ์ตูนหนังสือพิมพ์รายวัน comic strip นี้บ้าง ซึ่งผมเคยกล่าวถึงมาแล้ว (และนับว่าเป็น comic strip เดียวที่ผมติดตามต่อเนื่องอย่างจริงจัง)

For Better or For Worse กล่าวถึงเรื่องราวของครอบครัว Patterson ครอบครัวชาวแคนาดาทั่วไปครอบครัวหนึ่ง และเล่าเรื่องราวความเป็นไปต่าง ๆ ของสมาชิกในครอบครัวทั้งสี่รุ่น โดยพาให้ผู้อ่านได้ติดตามการเติบโตและความเปลี่ยนแปลงของตัวละครที่เกิดขึ้นตามกาลเวลาเสมือนจริง และพาให้สัมผัสเกือบทุกด้านของชีวิต ไม่ว่าจะเป็นชีวิตคู่ ปัญหาในที่ทำงาน การหย่าร้าง ชีวิตวัยเรียน ปัญหาสุขภาพ วิกฤตวัยกลางคน ศีลธรรม ความตาย หรือแม้กระทั่งความเป็นเกย์ (ซึ่งในปี 1993 ได้ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ค่อนข้างรุนแรงทีเดียว)

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการดำเนินเรื่องของ For Better or For Worse จะจบเพียงเท่านี้ Johnston จะยังคงเขียนการ์ตูนนี้อยู่อีกระยะหนึ่ง โดยเรื่องราวจะย้อนกลับไปเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น และมีการสอดแทรกการ์ตูนที่เขียนขึ้นใหม่สลับไปกับของเดิม

For Better or For Worse ได้รับการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์กว่า 2,000 ฉบับ ใน 20 ประเทศทั่วโลก และมีการแปลเป็นภาษาต่างประเทศ 8 ภาษา Lynn Johnston เป็นนักการ์ตูนหญิงคนแรกที่ได้รับรางวัล Reuben Awards ในปี 1985 ได้รับการเสนอชื่อรอบสุดท้ายเพื่อรับรางวัล Pulitzer ในปี 1993 และมีเกียรติประวัติระดับประเทศอีกหลายรายการ

และแน่นอน ว่าติดตามอ่านเรื่องราวที่น่าสนใจเพิ่มเติมได้ที่ http://en.wikipedia.org/wiki/For_Better_or_For_Worse


หมายเหตุ: ความจริงมี back(b)log ที่ mind map ไว้กะจะเขียนอีกหลายเรื่อง แต่ขอดองไว้ และยกพื้นที่ให้กับเรื่องราวปัจจุบันก่อนแล้วกัน

Last edited: 2008-09-08 03:34

3 December 2005

Evidence-based thinking | Plagiarism

เมื่อวานนี้ตอนต้นชั่วโมง Ethics อาจารย์สมเกียรติมาพูดเกี่ยวกับการนำเสนองาน มีส่วนหนึ่งที่พูดถึงการเป็น evidence-based

ที่จริง evidence-based medicine ผมเห็นว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ควรจะปลูกฝังให้นิสิตแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะกว่าที่จะได้เรียนเอาตอนปีสามมันค่อนข้างสายที่จะปรับเปลี่ยนทัศนคติและกระบวนการคิด ความจริงที่อาจารย์สมเกียรติพูดมาแล้ว 2-3 ครั้งผมยังคิดว่าไม่ได้นำเสนอในมุมมองที่สะท้อนให้เห็นความสำคัญเพียงพอ และอาจยังไม่เข้าถึงนิสิตได้จริง ๆ

ถ้าจะให้ยกตัวอย่างง่าย ๆ ก็อย่างเรื่องน้ำดื่ม reverse osmosis นั่นแหละครับ...


แต่เรื่องที่อยากจะพูดถึงมานานแล้วเหมือนกัน ที่อาจารย์พูดถึงนิดหนึ่ง คือ plagiarism

pla·gia·rize
v. pla·gia·rized, pla·gia·riz·ing, pla·gia·riz·es
v. tr.
  1. To use and pass off (the ideas or writings of another) as one's own.
  2. To appropriate for use as one's own passages or ideas from (another).
v. intr.
To put forth as original to oneself the ideas or words of another.
Source: The American Heritage® Dictionary of the English Language, Fourth Edition
Copyright © 2000 by Houghton Mifflin Company.
Published by Houghton Mifflin Company. All rights reserved.

- Provided by Reference.com

ประเด็นที่อาจารย์พูดถึงเรื่องนี้จริง ๆ ก็มีอยู่ไม่มาก (คือตรงที่ว่าเวลาที่หาข้อมูลมาแล้วต้องสรุปความเรียบเรียงให้เหมาะสม ไม่ใช่ copy มาทั้งดุ้นโดยบางทีก็ยังไม่ได้อ่าน) แต่ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ถูกมองข้ามความสำคัญไปมากในสังคมการศึกษาของเราในปัจจุบัน

เวลาที่ทำงานร่วมกับเพื่อน ๆ บางครั้งผมเองก็ค่อนข้างอึดอัดใจที่เพื่อนทำงานโดย copy มาจากแหล่งบนอินเทอร์เน็ตทั้งดุ้นแบบที่อยากจะหา reference แล้ว Google หาเอาได้เลยว่ามาจากที่ไหน ผมคงว่าเพื่อนที่ทำแบบนั้นไม่ได้ แต่คงต้องโทษระบบการศึกษาและลักษณะสังคมของเราที่ไม่ให้ความสำคัญกับทรัพย์สินทางปัญญาเท่าที่ควร และไม่ได้สอนให้เข้าใจถึงแก่นแท้ของการทำงานเช่นนี้ (เวลาทำรายงาน เราพยายามที่จะรวบรวมข้อมูลจากหลาย ๆ แหล่งแล้วทำความเข้าใจ วิเคราะห์ สังเคราะห์ แล้วเรียบเรียงด้วยถ้อยคำของเราเอง หรือ copy ข้อมูลมาแปะให้รายงานหนาที่สุดเท่าที่จะทำได้มากกว่ากัน?)

ผมก็เคยทำแบบข้อต้นบ่อย ๆ แต่พอได้อ่านบทความโดย Paul D. Rosevear ถึงเริ่มตระหนักได้ว่านิสัยการทำงานอย่างที่เราทำกันบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเพื่อทำให้งานนั้นเสร็จ ๆ ไปหรือเพราะไม่รู้ว่าวิธีที่เหมาะสมเป็นอย่างไร เป็นเพียงสิ่งที่ถูกปลูกฝังมาจากความผิดพลาดของระบบการศึกษาที่มองข้ามแก่นของกระบวนการเรียนรู้ตรงนี้ไป

อย่างไรก็ตาม เฉพาะตัวเอง ถ้ารู้แล้ว เราคงไม่ทำสิ่งที่ไม่ถูกต่อ เพียงเพราะมันง่ายกว่า... ใช่ไหม?







- From For Better or for Worse by Lynn Johnston.