Showing posts with label #Anniversaries. Show all posts
Showing posts with label #Anniversaries. Show all posts

15 January 2021

15... 20 years of Wikipedia

เอ็นทรีนี้คัดลอกจากโพสต์เก่าในเฟซบุ๊กเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เมื่อวาระที่วิกิพีเดียครบรอบ 15 ปี ไหน ๆ ตอนนี้ครบ 20 ปีแล้ว ก็ขอเอามาแปะในบล็อกด้วยแล้วกัน

เรามีชีวิตอยู่ในโลกที่มีวิกิพีเดียมานานกว่าที่ไม่มีแล้ว นึกดูก็แปลกดี จำได้ว่า google เจอ Wikipedia ครั้งแรกเมื่อปี 2003 ตอนหาข้อมูลทำพรีเซนต์เรื่องวัฒนธรรมแคนาดาของ'จารย์ Jacobsen

ตอนนั้นยังไม่รู้เรื่องอะไรหรอกว่ามันเป็น open content ที่ใครก็ร่วมเขียนได้อะไรยังไง มารู้จักจริงจังก็ช่วงปี 2005–06 ที่กระแส Web 2.0 กำลังมาแรง ซึ่งวิกิพีเดียนี่น่าจะนับได้เลยว่าเป็นผลิตผลของ Web 2.0 ที่ revolutionary ที่สุด

แต่ก็ไม่รู้ว่าต่อไปจะเป็นยังไง ใน 15 ปีที่ผ่านมานี้ พอจะเห็นได้ว่า 5 ปีแรกเป็นช่วงของการตั้งต้นเงียบ ๆ 5 ปีถัดมาเป็นการเติบโตพุ่งพรวดอย่างรวดเร็ว และ 5 ปีหลังนี้เริ่มนิ่งและอยู่ตัว แต่ในขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ว่าพลังงานและพลวัตของผู้ร่วมเขียนเว็บไซต์มันเริ่มแผ่วลงมานานแล้ว เราเองก็คงได้แต่สงสัยว่าในอนาคต เราจะยังมีแหล่งความรู้ของมวลมนุษยชาติที่กว้างขวางและเข้าถึงได้ง่ายอย่างวิกิพีเดียอยู่อีกหรือไม่ แต่ที่รู้แน่ชัดคือวิกิพีเดียได้ปฏิวัติการเข้าถึงข้อมูลและความรู้ของเราไปแล้วตลอดกาล

26 December 2014

Remembering the Tsunami

เอ็นทรีนี้ดัดแปลงจากโพสต์เฟซบุ๊กเมื่อปีที่แล้ว

31 ธันวาคม 10 ปีที่แล้ว...

อาคารศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติหลังเก่าเนืองแน่นด้วยผู้คน ทั้งผู้มาบริจาคโลหิต เจ้าหน้าที่ และบรรดาอาสาสมัครที่มาช่วยงาน ในจำนวนเหล่านั้น นิสิตแพทย์หลายสิบคนกระจายตัวปฏิบัติงานกันอยู่ในหลายส่วน ตั้งแต่ส่วนรับบริจาคโลหิต ที่ต้องเพิ่มเตียงขยายพื้นที่ออกมาหลายห้อง จนถึงห้องปฏิบัติการด้านหลัง โดยยังไม่รวมถึงคนอื่นที่ไปช่วยงานอยู่ที่สำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ ซึ่งอยู่ห่างไปไม่มากนัก

บรรยากาศเต็มไปด้วยน้ำใจยินดี แม้จะรองด้วยอารมณ์วิตกเศร้าและหดหู่ เพราะบัดนี้ทุกคนรู้แล้วถึงความเลวร้ายของสถานการณ์ แต่อย่างไรเสียต่างคนก็ยังหยิบยื่นกำลังใจส่งต่อไปด้วยความเชื่อที่ว่าอย่างไรเสียคนไทยก็ไม่ทิ้งกัน

ในห้องประชาสัมพันธ์ นิสิตคนหนึ่งนั่งต่อสายโทรศัพท์อยู่แยกจากเพื่อนคนอื่น ๆ เพื่อพยายามติดต่อและเชิญชวนผู้บริจาคโลหิตรายเก่าที่มีเลือดหมู่ Rh− ซึ่งกำลังขาดแคลนมากที่สุด เจ้าของหมายเลขโทรศัพท์เกือบทั้งหมดเป็นชาวต่างชาติ เพราะหมู่เลือดนี้พบน้อยมากในคนเอเชีย คนที่ติดต่อได้สำเร็จมีไม่มากนัก แต่อย่างไรเสียได้บ้างก็คงดีกว่าไม่ได้เลย

แต่มีอยู่คนหนึ่งที่ฟังเรื่องราวของเขาแล้วก็แทบไม่กล้าที่จะเอ่ยขออะไรอีก เขาบอกผ่านโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงอิดโรยว่าไม่ได้อยู่กรุงเทพฯ และออกตัวขอโทษว่าคงยังไม่สามารถไปบริจาคเลือดได้ตอนนี้เพราะสภาพร่างกายไม่ไหวจริง ๆ ทั้งนี้สามวันที่ผ่านมาเขาไปตามหาเพื่อนที่หายไปในเหตุการณ์คลื่นสึนามิ ทั้งตามโรงพยาบาลและที่ปฏิบัติการภาคสนามซึ่งถูกใช้เป็นที่เก็บศพชั่วคราวทั้งหลาย แต่ก็ไม่พบอย่างใด และเห็นทีคงจะไม่มีความหวังแล้ว

คนฟังได้แต่ตอบกลับไปว่าไม่เป็นไร ขอโทษที่รบกวน และขอแสดงความเสียใจและเป็นกำลังใจให้ ก่อนที่จะวางสาย ความหนักอึ้งของเรื่องราวที่ได้ฟังค่อย ๆ จมลงในห้วงความคิด พลางตระหนักว่าความโหดร้ายของเหตุการณ์นั้นไม่ได้มาจากยอดตัวเลขความสูญเสียแต่อย่างใด หากแต่ตัวเลขนั้นคือจำนวนทุกเรื่องราวความสูญเสียซึ่งสำหรับแต่ละคนที่ประสบย่อมไม่สามารถเทียบกับอะไรอื่นได้

สำหรับคนที่กำลังประสบกับความสูญเสียเหล่านั้น เราคงได้แต่หวังว่ากำลังใจที่ส่งให้กัน จะเป็นสิ่งเล็ก ๆ ที่ช่วยเป็นแรงให้เขาได้ก้าวเดินต่อไป

ภาพนี้ถ่ายบริเวณหาดท้ายเหมือง ซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากคลื่นสึนามิ แม้เวลาจะล่วงเลยไป และสภาพชายหาดและบ้านเรือนได้กลับสู่ปกตินานแล้ว บาดแผลในวันนั้นก็ยังทิ้งร่องรอยอยู่ในใจของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ แต่ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวความสูญเสียที่ต้องยอมรับ หรือความจริงของชีวิตที่ได้เรียนรู้ ทุกอย่างต่างเป็นประสบการณ์และความทรงจำที่มีค่า ที่ควรเก็บไว้และถ่ายทอดต่อไป

ดั่งเช่นป้ายเตือนพื้นที่เสี่ยงภัยซึ่งบัดนี้ตั้งเป็นอนุสรณ์อยู่ตลอดแนวชายหาด จะเป็นเครื่องเตือนถึงบทเรียน และยืนยันกับอนาคตว่าความเจ็บปวดที่เราประสบในวันนั้นจะไม่สูญเปล่า


ขอเพียงอย่าล้อมคอกแล้วเปิดประตูทิ้งไว้

คงจะดีหากเราจะมีน้ำใจให้กันได้ไม่เฉพาะยามภัยพิบัติแต่ทุกเวลา

15 October 2008

14 ตุลา... ผ่านมา... แล้วก็ผ่านไป

พยายามจะอยู่ห่าง ๆ บล็อกแล้ว แต่ก็อดไม่ได้

14 ตุลา... ผ่านมา... แล้วก็ผ่านไป

ถูกลดความสำคัญไปเป็นแค่วันธรรมดา ๆ วันหนึ่งในประวัติศาสตร์... ที่ไม่ได้ฝากความสำคัญใด ๆ ไว้ในปัจจุบัน

เมื่อกี้พยายามหาบล็อกเอ็นทรีของใครก็ไม่ทราบที่เคยเห็นเมื่อประมาณสองปีที่แล้ว แต่หาไม่เจอ เอ็นทรีนั้นเปรียบเทียบโดยเล่าประมาณว่ามีนกสองตัวแม่-ลูก อยู่บริเวณถนนราชดำเนินเมื่อสามสิบปีที่แล้ว แล้วลูกก็ถามแม่ว่าคนเค้าทำอะไรกัน แม่ก็บอกว่าอย่าดู เขาจะทำร้ายกัน แต่มันจะเป็นวันสำคัญในประวัติศาสตร์ของพวกเขา (คน) ที่เขาจะต้องเรียนรู้เป็นครั้งสุดท้าย แล้วก็เล่าถึงเมื่อสามสิบปีผ่านไป นกแก่สองตัวคุยกันอยู่ที่เดิม แล้วนกตัวหนึ่ง (ที่เป็นลูกนกเมื่อต้นเรื่อง) ก็พูดถึงว่า แม่พูดไว้ผิด เพราะพวกเขา (คน) ไม่ได้เรียนรู้อะไรจากเหตุการณ์ครั้งนั้นเลย

ใครที่พอจะทราบ ก็ขอความกรุณาสงเคราะลิงก์ด้วยนะครับ

22 September 2008

Observances galore

วันนี้เป็นวันศารทวิษุวัต (autumnal equinox ในซีกโลกเหนือ) ครับ

บางคนอาจจะรู้สึกบ้างว่าไอ้นี่มันจะอะไรนักหนา วันโน่นวันนี่เยอะแยะ ไม่เห็นมีอะไรสักอย่าง

ก็จริงแหละครับ (เหอะ ๆ)

แต่ถึงแม้วันวิษุวัตกับวันอายันจะดูเหมือนไม่มีความสำคัญกับชีวิตเราเท่าไร เพราะปฏิทินในปัจจุบันก็ไม่ได้นับวันปีใหม่ตามปรากฏการณ์ในการโคจรของโลก ผมว่ามันก็ยังเป็นวาระที่น่าระลึกถึงอยู่ (อย่างน้อยก็มีความผูกพันพื้นฐานกับธรรมชาติมากกว่าการนับวันหยุดกลางปีธนาคาร)

อ้อ เผื่อใครไม่ทราบ วันวิษุวัตคือวันที่กลางวันและกลางคืนยาวเท่ากัน (แกนของโลกตั้งฉากกับรัศมีวงโคจร) นะครับ (ส่วนศารท แปลว่าฤดูใบไม้ร่วง)

มาถึงเรื่องที่เอ่ยไว้ตามหัวข้อข้างบน...

ที่จริงก็ไม่ได้เยอะขนาดนั้นหรอกครับ

เพียงแต่จะบอกว่าช่วงนี้วันที่ 19 ที่ผ่านมาก็เป็นวันครบรอบรัฐประหารธรรมดา ๆ อีกวันหนึ่ง วันที่ 20 เป็นวันเยาวชนแห่งชาติ วันนี้เป็นวันวิษุวัต แล้วมะรืนนี้ (วันที่24) ก็เป็นวันมหิดล

ยังมีวันอาทิตย์ที่แล้ว (วันที่ 14) เป็นวันไหว้พระจันทร์ และวันจันทร์หน้า (วันที่ 29) เป็นวันสารทไทย

(สองวันหลังนี่ถึงกับต้องไปหาปฏิทินเปิดดู - สะท้อนให้เห็นว่าปฏิทินจันทรคตินี่ใช้ในชีวิตประจำวันน้อยจริง ๆ... นี่ถ้าวันพระใหญ่ไม่ได้เป็นวันหยุดนะ...)

ความจริงผมไม่เคยทราบหรอกครับว่าวันไหว้พระจันทร์นี่มีเมื่อไร (ปีนี้ยังไม่เห็นขนมไหว้พระจันทร์ด้วยซ้ำ) เพิ่งได้ความรู้ใหม่เมื่อครู่นี้เองว่าเป็นวันพระจันทร์เต็มดวงในเดือน 8 ตามปฏิทินจีน

ส่วนวันสารทไทยนี่ยิ่งแล้วใหญ่ครับ ถ้าไม่ได้อ่านในหนุ่มชาวนา (หนังสือนอกเวลาตอน ม.1 (ใช่เปล่านะ )) ก็คงไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันตรงกับวันแรม 15 ค่ำเดือน 10

(ความจริงไม่แน่ใจหรอกครับว่าในหนังสือนี่พูดถึงว่าไงบ้าง (หนังสือไม่อยู่ในความครอบครองแล้ว) แต่จำได้ว่ามีพูดถึง)

เป็นเครื่องสะท้อนให้เห็นความห่างเหินระหว่างสภาพสังคมที่เราอยู่กับที่กล่าวถึงในหนังสือได้ชัดเจนเหมือนกันนะครับ

เพราะผมยังไม่ทราบเลยครับว่าวันสารทไทยนี่มีความสำคัญอย่างไร (นอกจากว่ามีขนมกระยาสาท (กับกล้วยไข่)... อันนี้เหมือนได้มาจากหนังสือของซีเอ็ดสักชุดมั้ง ไม่แน่ใจเท่าไร แต่ยังไม่บ้าพลังพอที่จะไปค้น)

คนที่เป็นเหมือนผม ยังไงลองตามไปอ่าน "๒๒ กันยายน [๒๕๔๙] วันสารทไทย : วันทำบุญกลางปีเพื่อสิริมงคลและอุทิศส่วนกุศลแด่บรรพบุรุษ" โดยอมรรัตน์ เทพกำปนาท (สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ) ดูนะครับ

...

ความจริงเดือนกันยายนนี่เป็นเดือนที่ไม่มีวันหยุดราชการ (เช่นเดียวกับเดือนพฤศจิกายน (ส่วน ก.พ. มี.ค. มิ.ย. นี่แล้วแต่วันพระใหญ่จะตกเดือนไหน))

แต่ก่อนก็ไม่ค่อยได้สังเกตเท่าไรหรอกครับ เพราะยังไงก็มีปิดเทอม...

เฮ้อ...

19 May 2008

Post #200

ครับ...

ไหน ๆ ก็ไม่ได้โพสท์ฉลอง 3rd anniversary (ซึ่งก็เป็นไปตามที่แอบคาดไว้ใน 6 February 2008)... ยังไงวันนี้ลองมา [review] 200 posts ที่ผ่านมากันดูครับ...

Milestones

  • 2005-02-06: Placeholder... - โพสท์แรกของบล็อกนี้ (หรือจะเรียกให้เหมาะกว่านั้นน่าจะเป็นโพสท์จองชื่อบล็อกมากกว่า) ถึงตอนนี้จำไม่ได้แล้วว่าที่ว่า "ยังเลียนแบบ NuttyGM อยู่" นั้นหมายถึงว่าเลียนแบบเรื่องอะไรมาก่อนหน้านี้
  • 2005-03-08: #Start# - โพสท์เปิดบล็อกอย่างเป็นทางการ... ความจริงเหตุผลหนึ่งในการเริ่มเขียน blog นี้ คือด้วยคำแนะนำของแป้ง-อมรลักษณ์ ที่บอกให้ทำเพื่อเป็นที่ใส่ปฏิทินงานต่าง ๆ ให้เพื่อน ๆ ใช้เป็นแหล่งอ้างอิงได้ ดังเช่นในเอ็นทรี This Month's Calendar - March 2005 (ซึ่งการทำปฏิทินนี่ก็ยึดเป็นงานปฏิบัติสืบมาพักใหญ่ (ถึงจะไม่มีใครดูก็ตาม) จนค่อย ๆ สลายหายไปราว ๆ กลางปี 2007)
  • 2005-03-08: Today's Log - 8/3/2005 - เอ็นทรีแรกในกลุ่ม daily logs (การจัดหมวดหมู่นี้เพิ่งมีขึ้นภายหลัง ช่วงย้ายกลับมา Blogger) สุทธิแล้วมี daily logs ทั้งหมด 60 อัน ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจว่าช่วงที่ทำ daily logs นี้เป็นช่วงเดียวที่มีการโพสท์อย่างค่อนข้างสม่ำเสมอ... แล้วก็นับได้ว่าเป็นสิ่งที่ใกล้เคียง diary/บันทึกประจำวัน มากที่สุดที่เคยทำได้ตั้งแต่เกิดมา (ใกล้เคียงกว่า diary ความฝันตอน ม.4 ที่บันทึกได้ไม่ถึงสัปดาห์ก็เจ๊งไป) มองย้อนดูก็พอมีสาระอยู่บ้างบางอัน แล้วก็สะท้อนให้เห็นชีวิตปิดเทอมปีหนึ่งได้ดีไม่น้อยทีเดียว
  • 2005-03-09: สมบัติชาติ... กับโจรฝรั่ง? - เอ็นทรีแรกในกลุ่ม essays... นับถึงปัจจุบันมีบทความในกลุ่มนี้ 12 บทความ ซึ่ง essays นี่ก็นับได้ว่าเป็นกลุ่มบทความที่มีสาระมากที่สุดของบล็อกนี้ทีเดียว... มากเสียจนบางครั้งก็ดูเป็นการเหมาะที่จะแบ่ง essays (และ commentaries) ออกเป็นอีกบล็อกหนึ่ง เพื่อแยกภาคสาระไปนำเสนอให้ประชาชนทั่วไปได้ดีกว่า
  • 2005-04-14: The Symbol of the Medical Profession - เอ็นทรีภูมิใจนำเสนอ และหนึ่งในเอ็นทรีที่มีสาระที่สุดของบล็อกสมัยนั้น (ไม่ได้รับการจัดเข้ากลุ่ม essays เนื่องจากประเด็นไม่เครียดพอ)
  • 2005-05-11: Today's Log - 11/5/2005 - Daily log อันสุดท้าย นับเป็นการเริ่มต้นการสิ้นสุดยุคแรกของบล็อกนี้
  • 2005-05-26: Moving...! และ Moving...! (เอ็นทรีชื่อเดียวกันที่ WLS แต่เนื้อหาไม่เหมือนกัน) - ยุคที่สองของบล็อกเริ่มขึ้นเมื่อย้ายจาก Blogger ไปที่ MSN Spaces (ต่อมาเปลี่ยนเป็น Windows Live Spaces) โดยยังคง concept การ "เลียนแบบ NuttyGM" (และหวังจะได้ readership จากการขึ้นดาว/ดอกจันสีเหลือง ๆ ใน msnmsngr) ซึ่งที่ Spaces นี้ก็ทำให้ Calendar ได้มีแถบขวาเป็นของตัวเอง และเปลี่ยนสีตาม template เป็นพื้นขาวอักษรเข้มแทน (จากพื้นเขียวอักษรอ่อนเดิมที่ใช้ที่ Blogger) ซึ่งหลังจากย้ายมา ก็เริ่มมี entry สั้น ๆ มาบ่นระบายอารมณ์โผล่ขึ้นมานี่ที โน่นทีหลายอัน
  • 2005-08-19: Photo Trip 2005 - เอ็นทรีที่ 100... แต่ตอนนั้นไม่รู้หรอก เพราะแตกแยกอยู่ระหว่าง Blogger กับ Spaces
  • 2005-10-21: Corpse Bride - คอร์ป ไบร์ด? - เอ็นทรีที่ยาวเป็นที่สอง และได้รับคอมเมนต์เยอะที่สุด นับถึงปัจจุบัน (ความจริงเรื่อง comments นี่อาจจะมีผลจากความที่เป็นช่วงปิดเทอมด้วย) ซึ่งความจริงแล้ว essays ในเรื่องที่ไม่ใช่การเมืองแบบนี้ เป็นกลุ่มบทความที่ผมอยากเขียนลงบล็อกอยู่ และมีหัวข้อที่จดไว้ว่าจะเขียนอีกหลายเรื่องทีเดียว แต่ด้วยเหตุที่ว่า ขี้เกียจ และก็เป็นเรื่องค่อนข้างธรรมดาไม่มีอะไรมากระตุ้นแรง ๆ เข้า ก็เลยถูกหมก ดองไว้อย่างที่เป็นนี่เอง... (ยังไงก็ยังคาดหวังว่าสักวันมันคงได้เกิดแหละนะ)
  • C. 2006: เมื่อไรจำไม่ได้ แต่น่าจะเป็นราว ๆ ต้นปี 2006 ได้เริ่ม license เนื้อหาในบล็อกตาม Creative Commons Attribution-Share Alike 2.5 (ต่อมาอัพเดทเป็น 3.0) และก็ได้อนุญาตให้ใช้งานตามเงื่อนไขดังกล่าวมาจนถึงปัจจุบัน
  • 2006-01-08: January 08 9:17 PM - เข้าสู่ยุคที่ 2.5 ของบล็อกกับปี 2006 ซึ่งตั้งแต่ต้นปีจนถึงก่อนรัฐประหาร 19 ก.ย. นับเป็นช่วงที่ความเงียบเหงาปกคลุมบล็อกอย่างมากครับ ในช่วงเวลาดังกล่าว โพสท์ที่ยาวที่สุดคือ The seasons, they stopped changing. (2006-09-16) ด้วยความยาวเพียง 204 คำเท่านั้น
  • 2006-09-20: Nowhere nearer to democracy & Democracy in Thailand... When? How? - อย่างที่บอกในสามข้อก่อนหน้า ว่าดูไม่มีอะไรจะมากระตุ้นให้เขียนอะไรที่เป็นสาระเป็นชิ้นเป็นอันขึ้นมา ก็ปรากฏว่าเรื่องการเมืองนี่เองแหละครับ ที่น่าอัดอั้นตันใจจนทำให้ระบายออกมาเป็นย่อหน้ายาว ๆ ได้ (และกลายเป็นหัวเรื่องที่มีมากที่สุดในกลุ่ม essays) แต่ก็อีกเกือบปีต่อมาครับ กว่าจะโผล่มาอีกครั้ง
  • 2006-10-13: โอ๊ยย~ - หลังจากความเงียบถูกหักลงด้วยเหตุการณ์รัฐประหาร เอ็นทรีบ่นเล็ก ๆ นี้ก็เป็นเครื่องหมายบอกการเปลี่ยน theme มาใช้พื้นเข้ม (น้ำเงิน) อักษรอ่อนอีกครั้ง และเข้าสู่ยุคที่ 3 ของบล็อก ซึ่งถึงแม้ในช่วงต้นของยุคนี้ จะยังเงียบเป็นป่าช้าอยู่บ้าง แต่ไม่ช้าเอ็นทรีที่มีตัวมีตนก็เริ่มปรากฏให้เห็นไม่เว้นห่างกันจนเกินไป
  • 2006-12-16: Communication... - อีกเอ็นทรีภูมิใจเสนอครับ ถึงแม้จะสั้นนิดเดียว แต่ก็เป็นความเชื่อพื้นฐานของผมเกี่ยวกับปัญหาของสังคมมนุษย์มาจนถึงปัจจุบัน
  • 2007-01-21: TU-CU Traditional Football 63rd - เอ็นทรีที่ยาวที่สุดนับถึงปัจจุบัน ที่ 2,018 คำ ก็กลายเป็นว่าเรื่องที่เขียนได้ยาวสุด ๆ นั้น ไม่ใช่บทความเคร่งเครียดอะไร แต่เป็นบันทึกเรื่องเล่ากลุ่ม journals นี่เอง
  • 2007-03-29: หูฟัง กับวัฒนธรรมโลกส่วนตัว, กระจกประตู & Third post of the day - Triple post 3 ครั้งในวันเดียวกัน ถึงแม้จะไม่ใช่ครั้งแรก (เคยเมื่อ 2005-10-17) แต่อันนี้ได้สาระเยอะกว่าครับ บทความกระจกประตู เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมออกจะชอบอยู่ และกุง-วรงค์พรก็บอกเช่นเดียวกัน
  • 2007-08-19: My (long-belated) take on politics - ณ ปัจจุบัน ความเชื่อทางการเมืองของผมยังผูกอยู่กับคำถามที่ว่า "Why democracy?" และบทความนี้ก็ตั้งใจให้เป็นเครื่องอธิบายถึงความเชื่อดังกล่าวของผมครับ บทความ On the YouTube issue (2007-09-02) และ Democracy: What does it mean to you? (2007-12-23) ก็ออกจะเขียนไปในสไตล์เดียวกัน
  • 2007-10-20: Moving again... back this time. เมื่อ NuttyGM เปลี่ยนเป็น Zerothman และข้ามไปยังโลกแมคเต็มตัว เหตุผลในการเลียนแบบก็มลายหายไป กอปรกับเหตุผลโน่นนี่ ก็เลยย้ายบ้านกลับมาที่ Blogger นี้อีกครั้ง นับว่าเป็นเปลี่ยนยุคของบล็อกอีกครั้ง สู่ยุคที่ 4
  • 2007-12-09: ความเหงา... - เอ็นทรีหนึ่งที่รู้สึกเหมือนมีหน้าที่จะต้องเขียน... ถึงแม้จะไม่ได้ทำได้ดีนัก
  • 2008-03-01: จะรอดไหมนี่~ - แอบ note ไว้ใน entry นี้ว่าเปลี่ยน layout อีกครั้ง เป็น theme พื้นขาวเลียนแบบ Facebook ที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน (แต่ยังยุคเดิม)
  • 2008-03-19: Post #200 - ที่ท่านกำลังอ่านอยู่นี่เอง

อืมม... จากหลักกิโลที่ว่ามานี่ก็คงได้ภาพกันไปพอควร ก็ขอ [review] 200 posts นี้ไว้เพียงเท่านี้ล่ะครับ

6 February 2008

6 February 2008

วันนี้เลิกครึ่งวัน (ตามตารางของวอร์ดเด็ก)

ที่จริงก็มีงานต้องทำเยอะแยะ แต่หนึ่งในภารกิจที่ต้องทำคือไปรับใบรับรองฯ ที่ขอ สทป. ไว้ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่แล้ว

ก็เลยออกเดินทางหลังรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ ทีแรกว่าจะไปขึ้นรถโดยสารภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (รถป๊อป? ปอพ.? ← ตกลงมันสะกดยังไง) ก็ขอตั๋วจากพัชรพรรณแล้วเดินไปศาลาพระเกี้ยว

ที่จริงเราไม่ควรจะต้องขอตั๋วเพื่อไปขึ้นรถ

เพราะเห็นโฆษณาอยู่ครึกโครม (ที่ป้ายรถ) ว่าใช้บัตร Smart Purse ได้

การที่จริง ๆ แล้วใช้ไม่ได้ตามที่โฆษณาก็ควรจะเป็นเหตุผลให้เราขึ้นรถฟรี ไม่ใช่ต้องลำบากหาตั๋วมาขึ้นรถ

(แต่ก็ยังไม่กล้าทำอย่างนั้นน่ะนะ)

เอาเถอะ ไปถึงศาลาพระเกี้ยว (แวะไปตากแอร์ศูนย์หนังสือพักหนึ่ง) ก็รู้สึกว่า เดินมาขนาดนี้แล้ว เดินต่ออีกนิดเดียวก็ถึง สทป. แล้ว ไม่คุ้มรอรถสาย 2 เอาซะเลย

ก็เลยเดินไป... เลี้ยวซ้ายหอนาฬิกา (ใช่ที่เรียกว่าสามแยกปากหมาหรือเปล่า) ผ่านหน้าหอประวัติฯ มีนิทรรศการ ร.6 ที่เลยกำหนดเวลามาแล้วแต่ยังไม่ได้เก็บออกแสดงอยู่ แต่ไม่ได้เข้าไปดู

เกิดอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมา ก็เลยว่า... แวะเข้าห้องน้ำจามจุรี 5 ก็คงได้ แต่ไม่เคยแฮะ มีให้เข้าหรือเปล่าก็ไม่รู้

เลยว่าแวะเข้าห้องน้ำชายที่ใหญ่ที่สุดในจุฬาฯ ดีกว่า

ห้องน้ำที่ว่าหมายถึงห้องน้ำตึกชีววิทยา 1 คณะวิทยาศาสตร์ ใครที่เคยใช้บริการคงจะนึกออกว่ามันพื้นที่โอ่โถงขนาดไหน

อืมม... ไหน ๆ ก็มาตึกนี้แล้ว แวะขึ้นไปดูพิพิธภัณฑ์ฯ หน่อยดีกว่า เดี๋ยวนี้หน้าตาเป็นยังไงแล้วนะ... ยังไงก็ต้องรอ สทป. เปิดบ่ายโมงอยู่ดี

ก็เลยได้มาแวะชม พิพิธภัณฑสถานธรรมชาติวิทยาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อีกครั้ง (เหมือนจะไม่เคยมาตั้งแต่ตอน สอวน. มั้งถ้าจำไม่ผิด)

ท่าทางเหมือน ๆ เดิมเลยแฮะ... (คือให้ความรู้สึก "พิพิธภัณฑ์" ตามความหมายที่คุ้นเคยในภาษาไทย ว่าเป็นที่เก็บวัตถุโบราณ มากกว่าที่ให้ความรู้ แต่นั่นก็อีกประเด็นที่ยังไม่ขอพูดถึงดีกว่า)

แต่กระนั้น [collection] แต่ละอย่างก็น่า [fascinating] ไม่น้อยอยู่ดี...

เอาเถอะครับ มาถึงประเด็นที่จะอวดใน blog post นี้ดีกว่า...

ข้างทางเข้า ก็มีโต๊ะสมุดเยี่ยมชมอยู่... เป็นสมุดเยี่ยมชมที่ดูใช้มาหลายปีแล้ว (ยังไม่เต็มสักที)

ลองพลิก ๆ ดู... อ๊ะ...

!

ตายละ ตอนนั้นใคร (อาจารย์อะไร) คิดผิดให้เราเป็นคนลงชื่อไว้เนี่ย จำไม่เห็นได้เลย...

(ว่าแต่เห็นชื่อกิตติศักดิ์ สิงห์พิทักษ์เมธา ด้วยแฮะ ที่เคยเห็นพูดถึงว่าเคยเข้าค่าย สอวน.ชีวะ คือค่ายนี้เองหรอกเหรอ อืมม...)

แต่พูดถึงเรื่องค้นชื่อเก่า ๆ ใน guest book นี่... เหมือนตอนไปพระราชนิเวศน์มฤคทายวันเลยแฮะ...


3rd Anniversary

แถมอีกเรื่องพ่วงไว้ใน post เดียวกันแล้วกัน ไหน ๆ ก็หัวเรื่องว่า 6 February 2008 แล้ว...

Link: Zerothman: 3rd Anniversary

วันนี้ก็ครบรอบสามปีของบล็อกนี้เหมือนกันครับ

ขอพูดถึงซะหน่อย (เลียนแบบ NuttyGM Zerothman)*

แต่เนื่องจาก post แรก ยังไม่สมควรนับเป็นการเริ่ม blog ก็เลยเก็บ 3rd anniversary ไว้พูดถึงตอนครบรอบ post ที่ 2 ดีกว่า

(ถ้าจะได้พูดถึงน่ะนะ)


* Referring to: Placeholder...

28 January 2008

50 years of LEGO bricks

วันนี้เป็นวันครบรอบ 50 ปี ของตัวต่อ LEGO® ครับ (official press release)

คิดว่าเพื่อน ๆ ที่โตมาใน socioeconomic class นี้หลายคนคงจะมีความทรงจำดี ๆ กับของเล่นชิ้นนี้อยู่ไม่มากก็น้อย

(นึกถึงงานวิทยาศาสตร์ตอน ม.3 ที่ณัชเอา Technic + ลูกปิงปองมาทำ anemometer)

เห็น Google holiday logo วันนี้แล้วคิดอยู่ว่า เอ... ไม่เห็นจะเคยเห็นตัวต่อ LEGO สีเขียวเท่าไรนะ...

วันก่อนไป (สยาม) พารากอน เห็นมี 4780 วางขายด้วย... มีสีเขียวด้วยแฮะ... ชักอยากได้ (เอ๊ะ ยังไง)

แต่เห็นราคา 10181 แล้วจะลมจับ... แพงกว่าที่สหรัฐฯ 4 เท่าได้... (นี่ภาษีมันเท่าไรเนี่ย)

แต่ที่ไปวันนั้นมีที่เตะตามากสุดคือนี่ครับ...

LEGO creation by Jumpei Mitsui on display at Siam Paragon

ปราสาทพระเทพบิดร ผลงานของคุณ Jumpei Mitsui (ดูบทความจาก the Nation)

ว่าไปแล้ว... Brickset มีรูป 10185 ออกมาให้เห็นแล้วด้วยแฮะ...

ส่วน 10184 ที่เป็นโมเดลฉลองครบ 50 ปีนี่ก็สุดยอด... (มีสีทองด้วย กรี๊ด)


ป.ล. ตอนนี้มีกล่องสมนาคุณของ LEGO ที่สามารถแลกตัวต่อ LEGO ได้ 870 cm³ ที่ LEGO Store ภายในวันที่ 31 มีนาคม... แต่ดันไม่มีร้าน LEGO อยู่ใกล้บ้าน (หรือในประเทศใกล้บ้าน)... ถ้าเพื่อน ๆ คนไหนพอจะมีลู่ทางเอาไปทำประโยชน์ได้ก็ติดต่อมาแล้วกันนะครับ

ป.ป.ล. พูดถึงราคาแล้ว... NXT ที่วางขายตามห้างร่วมสองหมื่นบาท ที่สหรัฐฯ ขาย 249 เหรียญ ถ้าไม่นับค่าขนส่งนี่ราคามากกว่ากัน 250% ~ (เครื่องหมาย ~ ในที่นี้ทำหน้าที่เป็น emote)

Last edited for accuracy: 18:45, 2 February 2008

1 December 2007

1 December 2007

วันนี้ (วันที่ 1 ตอนเริ่มเขียน) มีเรื่องให้กล่าวถึงหลายเรื่องทีเดียว... ก็เลยจะขอแยกพูดถึงเป็นหัวข้อ ๆ แล้วกันนะครับ

World AIDS Day 2007

บางคนอาจจะสังเกต ว่าปีที่ผ่าน ๆ มาผมจะติดริบบิ้นสีแดงในสัปดาห์ก่อนวันเอดส์โลก (1 ธันวาคม) จนเกือบจะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติส่วนบุคคลอย่างหนึ่งไปแล้ว ซึ่งปีนี้อย่างน้อยก็นับว่าเป็นการประชาสัมพันธ์วันเอดส์โลกที่จะมาถึงอย่างได้ผลระดับหนึ่ง เพราะเกือบทุกคนที่เจอหน้ากันสัปดาห์ที่ผ่านมาล้วนถามว่าติดทำไม (สำเร็จ... 55+)

เรื่องความเข้าใจ เห็นใจผู้ที่ใช้ชีวิตอยู่กับเชื้อ HIV นี้ ผมเคยพูดกับเพื่อน ๆ อยู่หลายครั้ง ว่าการจะแก้ stigma เปลี่ยนค่านิยม ความเชื่อของสังคมนั้นมันยากแค่ไหน ขนาดเราเองที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ ที่เรียนอยู่โดยตรง ถึงจะรู้ดีแค่ไหน ก็ยังกลัว ยังหวาดจนเกินความพอดีอยู่ไม่น้อย เวลาที่ทำงานกับผู้ป่วยที่มีเชื้อ HIV

ช่วงเดือนที่แล้ว ผมและเพื่อน ๆ ในกลุ่มได้ปฏิบัติงานบนหอผู้ป่วยวชิราวุธล่าง ซึ่งก็ได้มีโอกาสสัมผัสกับผู้ป่วยที่ติดเชื้อ HIV จำนวนไม่น้อย (เกือบ 50% ในบางช่วง) และในการปฏิบัติงานนั้นก็มีการทำหัตถการที่ต้องสัมผัสกับสารคัดหลั่งของผู้ป่วยอยู่ไม่น้อย สิ่งที่ผมพบคือ ความกลัวที่ว่านั้น พอทำงานไปพักหนึ่งมันเริ่มชิน เริ่มลืมที่จะกลัวครับ (จนบางครั้งก็ยังต้องคอยเตือนตัวเองเรื่อง precaution อยู่) พอความกลัวเริ่มลดลง ก็เริ่มมีที่ให้กับความเห็นอกเห็นใจ และที่สำคัญ คือความหวัง ที่ความก้าวหน้าทางการแพทย์ จะช่วยให้ผู้ป่วยที่ต้องตายสถานเดียวเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว จะมีโอกาสดำรงชีวิตที่มีคุณภาพได้ในสังคม

แต่ [keyword] ก็คือสังคมนั่นเอง

ช่วยกันนะครับ ทุกคน

(ที่ว่ามาว่าการรักษามันดีขึ้น ไม่ได้เป็นเหตุผลให้ความป้องกันสำคัญน้อยลงนะครับ ในทางตรงข้าม การตระหนักถึงอันตรายนี้เป็นสิ่งที่สังคมเรากำลังสูญเสียไปอย่างรวดเร็ว... ขอให้ช่วยกันอีกข้อ... นะครับ)

ป.ล. ทีแรกว่าจะพูดถึง compulsory license ด้วย... แต่ขี้เกียจละ

สอบภาษาอังกฤษ (CU-TEP) ภาษาไทย คอมพิวเตอร์ สำหรับนิสิตชั้นปีที่ 4

คณะเราส่วนเอนทรานซ์+โอลิมปิกวิชาการ ก็มีอยู่เกือบร้อยเก้าสิบคน สมัครมาสิบกว่าคน ปรากฏว่าไปสอบกัน 5 คน - -'... แต่ก็ได้มาเจอเพื่อน ๆ โครงการกับพี่นิวแทรคที่โดนบังคับ (?) มาสอบ

สอบครั้งนี้สอบที่อาคารจุฬาพัฒน์ 4 ห้อง 421 ทีแรกก็เอ๋อไปเหมือนกัน ว่า จุฬาพัฒน์นี่มันอยู่ส่วนไหนของจุฬาฯ เนี่ย เปิดไปเปิดมาปรากฏว่ามันคือห้องเรียนวิชา Human Relations ตอนปี 1 นั่นเอง ก็เลยได้ไปทานข้าววิทย์กีฬารำลึกความหลังเมื่อยังเยาว์วัย (ทำไมมันเหมือนน้านนนน นานมาแล้วนะ?)

พูดถึง... เพิ่งได้มีโอกาสอ่านป้ายตรงสวนหินอ่อนหน้าอาคารจุฬาพัฒน์ 7 (สำนักงานสำนักวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา)

นึก ๆ ดูก็ขำอยู่หน่อย... ตอนไปโรมเห็นเค้ามีของแบบนี้ที่เก่าสองพันปี ของเราเก่าร้อยปี

สอบ ก็... CU-TEP ก็ไม่มีอะไร เรื่อย ๆ (แต่ข้อ 100 โจทย์ผิดชัด ๆ) แต่ภาษาไทยนี่สิ... อ่าน-ฟัง-เขียน ไม่มีตัวเลือกสักข้อ ซีดเลย~ ยิ่งตอนที่ให้เขียนบทความนี่... เขียนอะไรก็ไม่รู้ที่นึกได้เกี่ยวกับหัวข้อที่ให้ไป โดยไม่ได้ใช้ความรู้ความสามารถทางภาษาไทยแม้แต่น้อย

ส่วนสอบคอมพิวเตอร์ ที่แต่ละคนต่างสงสัยกันว่าสอบยังไง... ปรากฏว่าข้อสอบนี่หลากหลายสุด ๆ... มาตอนแรกก็ถามวิธีใช้ Windows, Microsoft Office ทั่ว ๆ ไป พื้นฐานบ้าง [advanced] ขึ้นหน่อยบ้าง มากลาง ๆ เริ่มถามเกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต เน็ตเวิร์ค ฮาร์ดแวร์ จนถึงข้อ 80 กว่า ๆ (เต็ม 100) นี่เป็นเนื้อหาวิชาคอมพิวเตอร์ตอน ม.4-5 (ที่ลืมไปหมดแล้ว) ซะงั้น ทั้งเรื่องภาษา ระบบจัดการข้อมูล เล่นเอามึนไปเลย

เอาเถอะ... ถือว่าสอบขำ ๆ นี่เรายังห่างไกลการเรียนจบกว่าคนอื่นอีกกี่เท่าไม่รู้ (เอ๊ะ แต่ผลสอบนี่มันลง transcript หรือเปล่านะ~ แย่แล้ว...)

รักแห่งสยาม

ทีแรกกะว่าเอาเป็นหัวข้อ blog post นี้ดูจะตามแฟชั่นเค้าหน่อย แต่อย่าเลย ไม่ได้มีอะไรจะพูดถึงเท่าไร

ก็เป็นว่า วันนี้ยังไงก็รอพ่อแม่มารับ แล้วก็ไม่อยากเสี่ยงรอถึงปลายเดือน (ความจริงความอดทนไม่มี) หลังสอบว่าง ๆ... อยู่แถวนั้นด้วย ก็เลยตัดสินใจไปดูมันเปลี่ยว ๆ คนเดียวนี่แหละ (ไม่รู้จะชวนใคร - เหมือนคนที่กะจะดูก็ดูกันหมดแล้ว)

ก็เหมือนเดิมแหละนะ วิเคราะห์วิจารณ์ภาพยนตร์ไม่เป็น แต่ความรู้สึกที่ไปดูมาก็ว่า satisfying ดีมาก ๆ ถึงแม้จะมีประเด็นที่ไม่ค่อยเข้าใจอยู่มากพอควรเลยทีเดียว (ความจริงดูหนังก็ไม่ค่อยจะเคยเข้าใจอะไรทันอยู่แล้ว)

แต่โรงหนังก็ยังเสียงดัง... มาก... แถมหนาวสุด ๆ อีก (น่ะนะ ก็ไม่ได้วางแผนอะไรก่อนไปดูเลยแม้แต่น้อย)

สรุป: ดี ๆ... ต้องรอทดสอบว่าถ้าดูซ้ำ (ไม่ดูในโรงหรอก) แล้วจะยังอยากดูรอบ 3 อีกหรือเปล่า...


มีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่านะ... นึกไม่ออกละ จบแค่นี้แล้วกัน สวัสดีครับ

11 September 2006

September 11

Another day past, another date to mark these times of conflict... These conflicts of misunderstanding...

26 December 2005

26 December: Lest we forget

Don't continue grieving every waking moment,
for life must go on.
Don't forget those who loved and were loved,
for in our memories they shall rest.
Don't pretend nothing happened that shattered our lives,
for lessons there are to be learnt.
Don't just let pass into history these events of 2004,
for they are a reminder of who we really are.

In rememberance of those who lost their lives in the 26 December 2004 tsunami, and those who reminded us that life is worth struggling for.

1 December 2005

World AIDS Day 2005: Stop AIDS. Keep the Promise.

Today is World AIDS Day.

With calls to keep the promise, maybe it was time we asked ourselves...

"When was the last time we knew we cared?"

Once a year, we don red ribbons and talk of the actions we need to take.

But why then, 364 days a year, do we so easily seem to forget?

We talk about acceptance, we talk about sympathy.

But why then, do we shun AIDS sufferers every day in our lives?

Where's the promise?



We can make a difference.


Support World AIDS Day