ไม่ได้อยากดูหน้งสืออะไรหรอก แต่รู้สึกต้องไปจาริกศูนย์ฯ สิริกิติ์ใหม่สักหน่อย แล้วพอดีช่วงนี้ห่างกันสักพักกับทวิตเตอร์อยู่ เลยได้โอกาสปัดฝุ่นบล็อกเสียบ้าง
ว่าเป็นข้อ ๆ ไปละกัน...
- โอ้ ทางเชื่อมใต้ดินเข้าสถานี MRT แห่งที่ 5 แล้ว ใช้เวลาแค่ 18 ปีเอง (ประตูกั้นน้ำนี่ทองวิบวับเชียว)
- ได้เห็นสักที อีเลขชั้นประหลาดตั้งมาให้งงแข่งกับพารากอน (ก็เหมือนจะเข้าใจได้มากขึ้นนิดนึง แล้วเพิ่งเห็นในวิกิพีเดียด้วยว่า lower ground floor นี่มีใช้กันจริง ๆ แต่ LM = lower mezzanine นี่มันได้เหรอ~)
- ห้องน้ำติดตั้งก๊อกฝอยละอองนี่ก็ว้าวนะ เพิ่งเคยเห็น แต่นึกกลัว Legionella ไม่ก็ไอ้สารพิษใน Batman Begins ก่อนเลย แล้วประหยัดน้ำแต่เปลืองเวลาเหลือเกิน (ละก็มีความเพี้ยนงง ๆ อย่างไม่มีที่จ่ายสบู่บ้าง กระดาษเช็ดมืออยู่ด้านในไกลประตูบ้าง)
- ดูตั้งใจสร้างภาพโลกที่ไม่มีโควิด-19 มาก จอสัมผัสเต็มไปหมด ขณะที่ทั้งตึกไม่มีที่กดแอลกอฮอล์สักจุด
- ฟู้ดคอร์ทนี่เหมือนไม่ได้ตั้งใจอยากทำแต่แรกอะ ตำแหน่งการจัดวางอะไรต่ออะไรเลอะเทอะมาก ที่ซื้อคูปองไปซุกอยู่หน้าห้องน้ำ ตรงข้ามกะบันไดเลื่อนที่ลงมาเลย
- การตกแต่งภายในก็สวยดีนะ ทางเข้าหันหน้าเข้าทะเลสาบนี่งดงามทำมาอวดแขกวีไอพีมาก แต่ตัวตึกดูไม่มีเอกลักษณ์แบบอันเก่า (ซึ่งก็เชยแล้วน่ะแหละนะ) เลยยังไงไม่รู้ (หรือแค่เพราะอันเก่ามันคุ้นเคยกว่า?) แต่น่าจะอยู่ที่ประเด็นสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ต้องทำยังไงถึงจะดูไทยน่ะแหละ
- วันก่อนตอนที่เห็นพูดถึงกันว่าสร้างเสร็จก็งง ๆ ว่าอ้าวแล้วไหนว่าจะมีโรงแรมด้วยมันหายไปไหน ก็เห็น โสภณ พรโชคชัย วิจารณ์สรุปไว้ให้เรียบร้อยแล้ว อืมม... (ว่าแต่การสมัครผู้ว่า กทม.ฯ นี่ช่างเป็นการโปรโมตตัวเองที่ได้ผลดีจริง)
วิจารณ์อ้อมรอบศูนย์ฯ ละ เข้างานสักทีได้แล้วมั้ง
อ้ะ พองานมาจัดในฮอลล์ใหญ่แบบนี้แล้วไม่คุ้นเลย รู้สึกเหมือนตอนเห็นจัดที่อิมแพ็คที่เคยบ่นว่ามันไม่ได้ฟีล ไม่มี personality ของงานหนังสือที่คุ้นเคย เพราะอย่างแต่ก่อน มันจะมีรูปแบบการใช้พื้นที่ที่เป็นเอกลักษณ์ประจำ โซนนิทรรศการอยู่ตรงโถงทางเข้า ร้านใหญ่อยู่ใน Plenary Hall (ใหญ่สุดนานมี อยู่เฉียงไปทางขวา) แต่ร้านนายอินทร์จะไปอยู่โซน C กว้างเต็มชั้นบนในสุดด้านขวา ส่วนมติชนครองโซน Plaza ฯลฯ แต่พอมาอยู่ในพื้นที่สี่เหลี่ยมยักษ์แบบนี้ เลยเหมือนว่าจะย้ายไปจัดที่ไหนแทนก็ได้ ความเชื่อมโยงกับสถานที่มันหมดไปแล้ว
ว่าจะเดินผ่านเร็ว ๆ แต่สุดท้ายก็ไม่เร็ว มีบางอย่างที่เตะตาจดมา
- เข้าประตูมาไล่จากหัวมุมก็งงก่อนเลยว่า Kia ตั้งรถโชว์คืออะไร มาผิดงานเรอะ
- เคยบ่น Thinknet ทำแผนที่แขวนผนังแต่ดันใช้ Mercator คราวนี้เหมือนแก้ตัวละ มาหมดเลย Robinson, Winkel tripel, Goode homolosine... แต่พิมพ์ใส่ผ้าใบวาดรูปนี่เล็กและแพงไปไปนะ
- ฟ้าเดียวกัน ทอง มาก (ไม่มีรูปใด ๆ กล้องโทรศัพท์พัง )
- กระแสแฟรนไชส์ Sapiens ยังไม่แผ่วเลยแฮะ คราวนี้มาเป็นหนังสือเด็ก Unstoppable Us ส่วน Guns, Germs and Steel ฉบับแปลก็ได้กระแสมาคล้าย ๆ กัน (ว่าแต่หนังสือมันปี 1997 เลยแฮะ)
- เพิ่งเห็นว่ามติชนแปล Siamese Melting Pot
- โซนประวัติศาสตร์และการเมืองนี่มีก้าวไกลทำห้องเสวนากับเพื่อไทยทำจอโฟนอินนี่ก็แอบงง ๆ เหมือนกัน (แต่ถ้ามี พปชร.ด้วยนี่คงยิ่งฟีลแปลกไปอีกเลย)
- ว่าแต่เออ กลุ่มเป้าหมายของงานหนังสือฯ นี่อายุน้อยสักแค่ไหนนะ แล้วที่ผ่านมามันเปลี่ยนแปลงยังไงบ้างหรือเปล่า
- เพราะคือไม่ค่อยได้เดินก็หลายปีแหละ แต่เพิ่งเห็นว่านิยายวายคือโปรโมตเยอะ แบบ เยอะ มาก นายอินทร์นี่เป็นโซนวายไปล็อกนึง 1/5 ร้านเลยมั้ง ไม่ต้องพูดถึง สนพ.เฉพาะทางทั้งหลาย (ขนาดไม่ได้เข้าไปไล่ซอยโซนนิยายและวรรณกรรมนะ) กระทั่ง Asia Books ยังตั้ง Heartstopper เป็นกำแพงเต็มด้านนึงเลย
- นึกดูก็ ช่างเป็นกระแสวัฒนธรรมที่แข็งแกร่งอะไรขนาดนี้ ไม่แปลกแล้วมั้งที่จะเป็นอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ส่งออก เทียบกับที่ชอบเล่ากันว่าสมัยก่อนต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ แล้วก็ อืม วงการนี้มาไกลมากจริง
No comments:
Post a Comment