29 March 2007

Third post of the day

แหม่ ขอหน่อยเถอะ นาน ๆ ทีจะอารมณ์ขึ้นแบบนี้ (โพสท์ก่อนหน้านั่นจิ้มไว้ใน PPC ตั้งแต่กลางวันแล้ว แต่ไม่ได้โพสท์เลย (EDGE - แพง) เลยเพิ่งจะได้โพสท์

ไล่เป็นเรื่อง ๆ เลยละกัน

เรื่องที่ 1: ผมได้ทราบแล้วว่าไอ้ติ่งตรงกลอนลูกบิดประตูนี่มันมีไว้ทำไม

ผมได้ประจักษ์กับความจริงข้อนี้มา 2-3 วันแล้ว หลังจากที่สงสัยมานับสิบปี แต่เพิ่งจะได้มีโอกาสหารูปประกอบมาลง

ไอ้ติ่งที่ขีดสีแดง ๆ ไว้เนี่ยครับ... ผมสงสัยมาตั้งแต่แถว ๆ ป.2 (เดา) แล้ว ว่ามันมีไว้ทำไม

ตั้งแต่เด็ก ๆ ที่ว่า ก็กดเล่นอยู่บ่อย ๆ ก็ตั้งแต่จำความได้ก็รู้อยู่ว่าถ้าไอ้ติ่งนั่นถูกกด ตัวกลอนอันใหญ่มันจะดันเข้าไม่ได้

(ที่จริงรู้แค่นี้ก็น่าจะรู้คำตอบแล้วเนอะ คงเป็นเพราะความไม่เฉลียวเองน่ะแหละ ที่ทำให้มองไม่เห็นมาเป็นสิบปี)

คำตอบก็คือ เค้าทำเพื่อไม่ให้มันเป็นแบบประตูห้องแผนกวิเทศสัมพันธ์ (ห้องประชุม สพจ.เดิม) นั่นเองครับ

สังเกตนะครับ... ติ่งที่ว่านั่นมันหายไป

(ที่จริงไม่ควรจะพูดต่อหรือเปล่า... เดี๋ยวจะ [compromise] ความปลอดภัยของห้องเค้า) เอาเป็นว่าคงเดาได้นะครับว่ากลอนประตูนี้มันมีความพิเศษยังไง

เรื่องที่ 2: ยังอีกตั้ง 2 วันกว่าจะครบวาระ โดนปลดจากบอร์ดซะแล้ว...

ภาพประกอบ

เรื่องที่ 3: ไปปากเกร็ด เดินสะพานพระรามสี่มา

อืม เห็นวิวเกาะเกร็ดกับเจดีย์เอียงวัดปรมัยยิกาวาสชัดเจนทีเดียว (คือ... ข้ามสะพานไปแล้วก็เดินกลับ... พิลึกคน)

แล้วก็ได้พบว่า Tesco Lotus มาเปิดตลาดโลตัสสาขาปากเกร็ดอยู่ตรงข้ามตลาดปากเกร็ด!

เดี๋ยวนี้นี่กะเจาะตลาดกันถึงขั้นนั้นเชียว...

จริง ๆ แล้วก็ไม่ได้น่าแปลกอะไรเท่าไร แต่ที่แปลกใจคือ

1.

มันมี Oriental Princess มาเปิด

และ 2.

มี B2S ด้วย~!

สงสัยเราจะยึดติดกับภาพเดิม ๆ ไปหน่อย... เห็นทีแรกถึงกับตกใจพอควรทีเดียว

เรื่องที่ 4: เปิดตัวปก Deathly Hallows แล้ว

ซึ่งก็ได้บ่นกับบางคนตั้งแต่เมื่อวานแล้วแหละ ว่าเพิ่งสังเกตว่า 21 ก.ค. เป็นสัปดาห์ก่อนสอบ


อืมม... คงหมดแล้วแหละมั้ง สำหรับเรื่องที่อยากจะพล่ามวันนี้

กระจกประตู

ผมเคยสงสัยอยู่ไม่น้อยครั้ง ว่าทำไมหลายคนถึงนิยมเอามือผลักประตูกระจกตรงที่เป็นกระจก แทนที่จะจับตรงราวจับของประตู

เพราะผลตามมาที่เห็นเด่นชัดอย่างหนึ่งก็คือ รอยมือที่ประทับอยู่บนกระจกนั่นเอง (เพื่อน ๆ กลุ่มสุขศึกษาตอน ม.6 อาจจะจำกันได้)

แต่อันที่จริงแล้วอย่าว่ากระนั้นเลย ผมเองถึงจะไม่ชอบรอยมือบนกระจกก็ไม่ค่อยจะได้ผลักตรงราวจับหรอกครับ จะดันตรงขอบประตูที่เป็นอะลูมิเนียมเสียมากกว่า

ที่มาพูดถึงก็เพราะวันนี้ผมเห็นแม่บ้านเช็ดกระจกประตูที่ห้องสมุด แล้วนึกอะไรขึ้นมาบางอย่าง

คือสังเกตว่าเวลาเช็ดประตู เราก็เช็ดแต่กระจก ส่วนอื่นจะได้เช็ดก็นาน ๆ ครั้ง

เหตุผลก็คงเพราะว่ากระจกมันเป็นรอยแล้วเห็นว่าไม่สวยงามนั่นแหละครับ

ซึ่งมันก็เป็นผลตามมาจากการเอามือผลักตรงกระจกอย่างที่ว่า

แล้วตกลงทำไมเราถึงไม่นิยมจับตรงราวจับกัน?

เพราะว่าเราไม่ชอบใช้อะไรตามที่ออกแบบมาหรือเปล่า? หรือว่าจะเป็นเพราะเราไม่อยากสัมผัสขี้มือคนอื่นที่จับราวจับนั้นมาแล้วไม่รู้กี่คนต่อกี่คน โดยที่ราวจับนั้นก็ (แทบจะ) ไม่เคยเช็ดเลย?

อืม พยายามหลีกเลี่ยงดีกว่า ผลักตรงกระจกเนี่ยแหละ สะอาดกว่า ยังไงก็มีคนเช็ดอยู่ทุกวัน...

เห็นอะไรไหมครับ

เหมือนอีกหลาย ๆ เรื่อง ที่เราคอยแต่จะแก้ไขผลจากสิ่งที่ทำไว้ไม่ถูก แล้วการทำอย่างนั้นก็กลับกลายเป็นการส่งเสริมพฤติกรรมผิด ๆ นั้นไปเรื่อย ๆ

ขณะที่คนที่จับตรงราวจับ ก็ได้สัมผัสแต่ขี้มือเก่า ๆ ของคนอื่นต่อไป

เพราะทำอะไรตามกติกาแล้วมันไม่ทิ้งความไม่น่าดูเอาไว้ให้เห็น ให้เช็ด ให้สังคมช่วยรับผิดชอบ


อืมม... ความจริงผมอาจจะคิดลึกไปก็ได้ แต่ถึงคนที่ผลักตรงกระจกจะทำด้วยเหตุผลง่าย ๆ ว่าพื้นที่มันเยอะกว่า มันก็ยังสะท้อนให้เห็นอยู่ดี ว่าเราไม่เช็ดประตูส่วนที่มีไว้จับ จะได้เช็ดกันก็แต่ส่วนที่ถ้าทำตามกติกาแล้วไม่ควรจะต้องเช็ด (บ่อย ๆ) เลยตั้งแต่แรกแล้ว

หูฟัง กับวัฒนธรรมโลกส่วนตัว

เมื่อเช้าขึ้นรถไฟฟ้า เห็นคนใส่หูฟังกันเกือบครึ่งได้มั้ง...

ที่จริงก็อาจจะไม่ขนาดนั้น แต่ก็นับว่าเยอะจนเป็นที่น่าสังเกตทีเดียว...

ที่น่าแปลกใจคือ ผมเพิ่งพบว่าแทบจะยังไม่มีงานวิจัยที่ทำเกี่ยวกับผลกระทบของการฟังเครื่องเ่ล่นเพลงดิจิทัลต่อการสูญเสียการได้ยินเลย

(ถ้ามีก็จะมาลง post นี้แล้วแหละ)

แต่คิด ๆ ดู... ก็น่าเป็นห่วงว่าวัฒนธรรมใหม่นี้มันเหมือนจะทำให้คนเรา พูดกันน้อยลง ฟังกันน้อยลง ได้อยู่นะเนี่ย...

(นึกถึง essay: The Age of iPod Politics โดย James Poniewozik ใน Time ฉบับเมื่อ 2 ปีกว่า ๆ มาแล้ว)

24 March 2007

ไหนว่าจะนอนอยู่บ้านไง

วันนี้เขานัดกันเป็น Shutdown Day...

ที่จริงตอนแรกก็กะจะร่วมด้วยอยู่หรอก แต่ติดว่าปิดคอมยังไม่ได้...

เพราะยัง ลงโปรแกรมหลังฟอร์แมต + จัดห้อง ไม่เสร็จ~

ก็แปลกดี... ทีแรกก็กะว่ากลับมาจากเกาะช้างจะอยู่บ้านทุกวันให้หายจากการดำเท่าเบิ้ล ไหงดันยังจัดห้องไม่เสร็จซะนี่

ก็ปรากฏว่า
  • วันศุกร์ไปประชุมส่งงานตอบปัญหาฯ แล้วเอาลำโพงไปซ่อม
  • วันเสาร์ไปดู The Queen กับป้า ก็ไม่อยู่บ้านเกือบทั้งวัน
  • วันอังคารไปช่วยเตรียม Text Fair กลับก็สี่ทุ่ม
  • วันพุธก็ไปนั่ง Text Fair ทั้งวัน
  • วันศุกร์ไป ComMart ไปเอาลำโพง แล้วแวะไปคณะ
เลยโดนไอซ์-ยอดยิ่งว่าเลย บอก "แน่ะ ชีพจรลงเท้าทุกวันนะ"

อะไรกันเนี่ย... เราวางแผนไว้ตรงกันข้ามเลยนะ~

หรือว่าจริง ๆ แล้วตัวเองอยู่บ้านแล้วแอบเหงา? เลยหาเรื่องให้ได้ออกไปข้างนอกอยู่เรื่อย?

จริงเหรอ? นิสัยเราไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย เอ๊ะ หรือว่าไงกันแน่?

เป็น blind spot หรือ unknown area หรือเปล่าเนี่ย

22 March 2007

ลืมอีกแล้ว...

เมื่อวานลืมสนิทเลยว่าเป็น vernal equinox (ภาษาไทยเรียกวสันตวิษุวัตหรือเปล่านะ)... สงสัยอีกหน่อยจะลืมวันเกิดตัวเอง

18 March 2007

ปิดเทอม... เฮ้อ (เพ้อ)

นึก ๆ ดูแล้วก็โหวง ๆ เหมือนกัน ปิดเทอมไม่รู้อยากจะเอาเวลาไปทำอะไร (รู้สึกโดนคณะอื่นส่งสายตาอาฆาตมา) ไอ้คำว่าติดบ้านที่เคยบอก (ถึงจะโดนว่าไม่จริงก็ตาม) ก็ชักจะไม่แน่ใจว่าจริง ๆ แล้วรู้สึกยังไงอยู่...

เอ๊ะ นี่เราเพ้ออะไรเนี่ย เลิก ๆ ไปนอนดีกว่า...

16 March 2007

ค่าโง่รถไฟฟ้า

(บนรถไฟฟ้าใต้ดิน...)

จะตัดสินใจเลือกเส้นเดินทางทางจากสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินพระรามเก้า ไปยังรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีสนามเป้า (บัตร BTS หมดไปแล้ว)

จำค่าบัตรบีทีเอสไม่ได้ (ขึ้นราคาด้วย ) เลยโทรศัพท์ไปถาม BTS Hotline ปรากฏว่าสุทธิแล้ว ไปทางสวนจตุจักร 45 บาท ไปทางอโศก 47 บาท

แต่เสียค่าโทรศัพท์ไป 2 บาท! ขาดทุนซะงั้น...

(ที่ขาดทุนเพราะก่อนจะโทรศัพท์ไปถาม ความน่าจะเป็นที่จะในเลือกทางที่แพงกว่าไม่ได้เท่ากับหนึ่ง (ไม่ได้คำนึงถึงระยะเวลาการเดินทาง))

4 March 2007

จันทรุปราคา

(อ่านว่า จัน-ทฺรุ-ปะ-รา-คา)

เมื่อเช้านี้มีจันทรุปราคาเต็มดวงครับ ซึ่งก็เป็นครั้งแรกที่ผมได้สังเกตการเกิดปรากฏการณ์นี้ ถึงแม้ว่าจะมีเกิดขึ้นบ่อยไม่น้อยอยู่ก็ตาม

ความจริงตั้งนาฬิกาไว้จนตื่นมาดวงจันทร์ก็ เกือบจะเข้าเงามืดเกือบทั้งหมดแล้วล่ะครับ แต่ยังได้ข้อคิดข้อสังเกตอย่างอื่นมาบ้าง ว่าการดูจันทรุปราคาในกรุงเทพฯ และปริมณฑล...
  • ต้องหาที่สังเกตการณ์อยู่นานมากกว่าจะเห็นดวงจันทร์ ที่สุดคือมีที่เดียวคือระเบียงทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ไม่ถูกหลังคาบ้านข้าง ๆ และ/หรือคอนโดบัง
  • เห็นดวงจันทร์หายเข้าไปในเงามืดของโลก แล้วก็หายลับไปหลังขอบเงาตึกเลย คือก็ไม่เห็นว่าจะเห็น "แสงอาทิตย์ที่หักเหผ่านบรรยากาศโลกไปตกที่พื้นผิวดวงจันทร์ทำให้ดวงจันทร์ ไม่มืดสนิทอย่างที่ควรจะเป็น แต่มีสีน้ำตาล แดงอิฐ หรือสีส้ม" แต่อย่างใด
  • สมาคมดาราศาสตร์ไทยบอกว่า "ไม่กี่นาทีต่อมาหลังจากนั้นแสงเงินแสงทองจะเริ่มจับขอบฟ้า ท้องฟ้าจึงค่อย ๆ สว่างขึ้นในขณะที่ดวงจันทร์งอยู่ในเงามืดของโลก"
    แต่พอลองสังเกตดวง อาทิตย์ขึ้นที่บ้าน พบว่า ท้องฟ้าไม่เห็นจะมีการเปลี่ยนสีแบบนั้นเลย คือตอนมืดก็เห็นท้องฟ้าสีม่วง จากไฟเมืองกรุงที่สว่างไสว พอเริ่มจะสาง ก็ยังเห็นไฟเมืองกรุงสว่างไสวอยู่ (สิ่งที่พอสังเกตได้ก็เห็นสีแดงเรื่อ ๆ ในเมฆบาง ๆ ที่ลอยอยู่ด้านบน) แล้วอีกทีก็เป็นสีฟ้าแล้ว
  • ว่าแล้วก็นึกอยากไปท้องฟ้าจำลองขึ้นมา...