22 September 2007
My God, the irony...
2 September 2007
On the YouTube issue
คราวก่อนบอกว่าอีกนานแค่ไหนไม่ทราบ ต้องคอยลุ้นต่อไป ปรากฏว่าไม่ค่อยเห็นจะมีใครหลงเข้ามาอ่านหรือช่วยลุ้น แต่เอาเถอะครับ ถือว่าสถานการณ์ได้โอกาสประจวบเหมาะที่จะพูดถึงเรื่องนี้แล้วกัน
อย่างที่หลาย ๆ ท่านอาจจะทราบ ว่าทาง MICT (เผลอจะคิดบ่อย ๆ ว่าย่อมาจาก Mandate for the Internet Censorship Taskforce) เลิกบล็อค YouTube แล้วตั้งแต่เมื่อวานซืน หลังจากที่ Google ตกลงเซ็นเซอร์คลิปวิดีโอบางเรื่อง ไม่ให้ผู้เข้าชมจากประเทศไทยสามารถรับชมได้
มองในแง่หนึ่ง ก็น่าจะเป็น [compromise] ที่แก้ปัญหาเบื้องหน้าได้ดีในระดับหนึ่งครับ เพราะอย่างที่ผมเคยแสดงความเห็นกับเพื่อน ๆ บางคน ว่าประเด็นปัญหานี้มันเกิดขึ้นมาจากความแตกต่างทางวัฒนธรรม
กล่าวคือ เมื่อเนื้อหาบางอย่างเป็นสิ่งที่ยอมรับได้หรือไม่ได้ในทั้งสองวัฒนธรรมที่กล่าวถึง ก็ไม่เกิดปัญหา จึงไม่มีใครมีปัญหากับคลิปแมวร้องเพลง และก็ไม่มีใครมีปัญหากับคลิปโป๊ที่ไม่มีอยู่บน YouTube
แต่เมื่อกระแสโลกาภิวัตน์ไปเหยียบเส้นความแตกต่างทางวัฒนธรรมเข้า จึงทำให้เกิดปัญหาความขัดแย้ง ที่ทำให้ [integrity] ของอินเทอร์เน็ตจำเป็นต้องถูกลิดรอนเพื่อรักษา [cultural identity] ของแต่ละฝั่งบนเส้นนั้นไว้
ซึ่งเส้นความแตกต่างทางวัฒนธรรมที่ว่าในกรณีดังกล่าว ก็คือ free speech vs respect for the King อย่างที่หลาย ๆ คนคงทราบ
มองตรงนี้ วิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้าดังกล่าว ก็ดูไม่น่าจะเป็นปัญหาอะไร...
ตราบที่ยอมรับได้ว่า หลักพื้นฐานของประชาธิปไตยบางข้อนั้นเข้าไม่ได้กับวัฒนธรรมไทย และรัฐจำเป็นที่จะต้องดำเนินการเพื่อรักษาวัฒนธรรมนั้นไว้เหนือหลักพื้นฐานของประชาธิปไตยดังกล่าว
แต่เงื่อนไขนี้ เป็นเงื่อนไขหนึ่งที่ผมไม่ยินดีที่จะยอมรับเท่าไรครับ
สมัยที่มีการร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 เมื่อผมได้เปิดอ่านดูก็แปลกใจอยู่ครับ เพราะไม่เคยทราบว่าการที่ "องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใด ๆ มิได้" นั้นเป็นเรื่องที่ต้องบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
อาจเพราะตอนนั้น ผมยังไม่ได้เข้าใจถึงลักษณะของระบอบการปกครองที่ต้องมีการ [adapt and modify] ให้เข้าได้กับวัฒนธรรมของประเทศต่าง ๆ ที่รับเอาระบอบการปกครองนั้นไปใช้ และการที่ว่าพระมหากษัตริย์อยู่ภายใต้กฎหมายนั้นก็มีเงื่อนไขรายละเอียดที่จำเพาะอยู่มาก
แต่ผมก็ยังอยากจะถามครับ ว่าจำเป็นด้วยหรือที่เราจะต้องรักษาวัฒนธรรมเดิม ๆ นั้นไว้เหนือสิ่งอื่นใด ที่จะต้องกำหนดเอาไว้ในบทบัญญัติสูงสุดของประเทศ
ในเมื่อคนไทยทุกคนรักในหลวงอยู่แล้ว ทำไมถึงจะต้องกำหนดบทบัญญัติที่ขัดต่อหลักพื้นฐานที่สำคัญที่สุดข้อหนึ่งของประชาธิปไตยไว้ในรัฐธรรมนูญด้วยล่ะครับ
ทุกวันนี้บทบัญญัติที่มีไว้เทิดทูนพระมหากษัตริย์ ถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ถูกใช้เป็นข้ออ้างในการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนมากกว่าสิ่งอื่นใดครับ (อันที่จริงแล้วอาจจะรองจาก "ความมั่นคงของประเทศ" อยู่พอสมควร)
และหากคนไทยไม่ได้รักในหลวงจริง บทบัญญัตินั้นจะไปบังคับเขาได้ที่ไหนเล่าครับ
ทำไมล่ะครับ ถึงจะต้องปิดกั้นไม่ให้ผู้คนได้เห็นความเห็นของคนอื่นที่ไม่ใช่คนไทย ที่ไม่ได้รักในหลวง ในเมื่อก็เห็นอยู่แล้วว่าคนไทยเราเทิดทูนพระมหากษัตริย์ขนาดไหน
หรือว่าคิดว่าคนไทยไม่ได้รักในหลวงจริง?
หรือว่าคิดว่าคนไทยจะโง่พอที่จะทำให้วิดีโอคลิปคลิปหนึ่งทำให้จิตวิญญาณของความเป็นไทยนั้นบอบช้ำไปได้?
................
ผมไม่เคยพูดครับว่าวัฒนธรรมไทยที่มีอยู่นั้นคร่ำครึล้าสมัย ควรที่จะเลิก ๆ ไปได้แล้ว
แต่กระแสโลกาภิวัตน์นั้น กำลังเกิดขึ้นจริง ไม่ว่าจะชอบมันหรือไม่ก็ตาม และคงยากครับ ที่จะหลีกเลี่ยง หรือตั้งกำแพงกีดขวางไว้ได้
ตอนนี้เราก็คงได้แต่เฝ้ามองครับ ว่าอะไรจะพังไปก่อนกัน
บนทั้งสองฝั่งของเส้นบาง ๆ ของสงครามความแตกต่างทางวัฒนธรรม