เหนื่อยสลบ...
ลากสังขารไปอาบน้ำก่อน
ถ้าไม่ติดอะไรจะมาเล่า
Update:
มาละ...
เกริ่นตั้งแต่ต้นสำหรับหลายคนที่อาจไม่ทราบ: Cubic Race หรือ แรลลี่เปิดฟ้ามหาพิภพ เป็นกิจกรรมของ Cubic Creative ซึ่งตามคำพูดของณัช มี แนวคิดหลัก ๆ ... คือการถอดรูปแบบจากรายการเรียลลิตี้ Amazing Race มาแบบดื้อ ๆ
แนวคิดการจัด Cubic Race ทั่วกรุงเทพฯ นี้ได้ เกิดขึ้นแล้วก็ดับไปอย่างเน่า ๆ สุด ๆ
ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2005 แต่ต่อมาก็ได้นำมาจัดเป็นกิจกรรมในค่าย ICT Fun Camp 2 และ Cubic Spirit Camp 2005 ซึ่งในครั้งหลังนี้เองที่กิจกรรมประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
การจัด Cubic Race 3 ในวันที่เดียวกับเอ็นทรีนี้ จึงนับเป็นการนำการแข่งขันสุดระทึกนี้กลับมาจัดอีกครั้ง ในรูปแบบที่วางแผนไว้แต่แรก หลังจากการรอคอยถึง 4 ปีเต็ม
ส่วนรูปแบบรายการ The Amazing Race ที่นำมาใช้ดังที่ว่า ก็เป็นการแข่งขันที่ผู้เข้าแข่งขันจะต้องตามหาบัตรคำสั่ง (clue) ซึ่งจะกำหนดให้ผู้เข้าแข่งขันต้องเดินทางหรือทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อไปเอาบัตรคำสั่งถัด ๆ ไป จนสามารถไปถึงที่หมายได้ในที่สุด (ใน Cubic Race ครั้งนี้มีบัตรคำสั่ง 3 แบบ คือ Route Info - บอกเป้าหมายการเดินทางหรือกิจกรรมที่ต้องทำเพื่อหาบัตรคำสั่งต่อไป; Detour - ให้เลือกทำภารกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง; และ Road Block - ผู้เข้าแข่งขันต้องเลือกตัวแทนคนใดคนหนึ่งเป็นคนทำภารกิจ)
ความจริงแอบบ้าตื่นเต้นกับการแข่งขันครั้งนี้มาก (ทั้ง ๆ ที่ไปเป็นแค่กรรมการสนาม) ขนาดที่ว่าบ้าจัดกระเป๋าตั้งแต่คืนวันศุกร์ (ปกติจะเดินทางไปค้างไหนยังจัดกระเป๋าเช้าวันนั้น) เอาหูฟัง Bluetooth ที่ไม่เคยใช้มาลองตั้งแต่วันจันทร์ นั่งทำบันทึกรายละเอียดกติกาและบทลงโทษ และเช็คอีเมลแทบจะเช้าเย็นเพื่อดูว่ารายละเอียด clue มีอะไรต้องแก้อีกบ้าง
เวอร์ซะไม่มี
แล้วนี่ที่จริงก็เป็นสมาชิกแบบสุดจะ inactive... ไปถึงนี่แทบไม่รู้จักใครเลยว่างั้น (แต่เรื่องอย่างนี้เนียนได้ อย่าต้องเรียกชื่อคนอื่นเป็นพอ 55+) แค่ยังแอบแปลกใจว่าเรื่อง (บ้า ๆ) ที่ทำไว้เมื่อ 4-5 ปีที่แล้วนี่จะทำให้ยังมีน้องจำได้อยู่ (จะสารภาพว่าพี่จำไม่ได้เลยแม้แต่คนเดียว ขอโทษนะครับ~ -/\-)
เอาเถอะ~ นี่ทีแรกก็พูดถึงอยู่ว่าผู้เข้าแข่งขันจะต้องลุ้นว่าจะได้กรรมการเป็นใคร เพราะกรรมการอาวุโส ๆ นี่ดีไม่ดีมีหวังวิ่งไม่ไหวพาเอาทีมหยุดเป็นพัก ๆ อีก ทีนี้ผลปรากฏว่าเค้าให้เป็นกรรมการทีม 4: ข้าวตูกับคุณพ่อจร (ได้ข่าวมาว่าแอบมี request - หารู้ไม่ว่าความรู้ทางเวชกรรมใด ๆ นี่หาแทบมิได้) ก็เลยไม่มีสิทธิ์บ่น
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเล่ายังไงดี แต่จะบอกว่าสนุกมาก ๆ ตั้งแต่วิ่งข้ามสะพานลอยหน้าประตู 2 ไปมา หลงทางในสวนรถไฟ ถีบจักรยานอย่างไม่เห็นจุดหมาย เบียดกับฝูงมหาชนในเยาวราช วิ่งหาขนมปังปิ้งทั้งที่ที่จริงต้องหาซาลาเปา แอบหลับบนรถเมล์ตอนรถติด เดิน/วิ่งชมกรุงเก่า รอเรือด่วนอย่างไร้อนาคต ฯลฯ หรือแม้กระทั่งการภาวนาว่าเมื่อไรจะตามไปเจอทีมก่อนหน้าสักที
แถมยังได้ฤกษ์บังคับให้ซื้อรองเท้าใหม่ด้วย (กำลังกะจะหาหมากฝรั่งมาซ่อมอยู่ละ ยังดีว่าได้เทปกาวจากชาร์ปมาประคองไว้จนสิ้นวันได้)
ถึงจะตามรั้งท้ายเกือบตลอดแต่ก็นับเป็นสุดยอดประสบการณ์ครั้งหนึ่งเลยทีเดียว
(แล้วนี่ถ้าไปอยู่ทีมอื่น เผลอ ๆ กรรมการจะต้องให้ผู้เข้าแข่งขันแบกไป - แค่ถีบจักรยานเสร็จนี่ก็แทบก้าวขาไม่ออกแล้ว - -')
ยังไงก็ขอโทษข้าวตูกับคุณพ่อด้วยที่ให้หยุดก่อนนะครับ ที่จริงถ้าลองเล่นต่ออาจจะยังตามไปทันได้ขับโกคาร์ทบ้าง (ถ้ามีแท็กซี่ไปถูกน่ะนะ)
...
สรุปว่าเอาหูฟัง Bluetooth มาใช้ครั้งนี้นี่คุ้มจริง ๆ (ไม่นับ เท่ factor ซึ่งไม่แน่ใจว่าได้คะแนนบ้างหรือเปล่า) แค่ตอนขี่จักรยานนี่ก็กดโทรศัพท์ไปไม่รู้กี่ครั้งละ จะเสียก็ตรงที่เจ็บหูจิบ... ถึงได้เห็นเปลี่ยนข้างทุก 20 นาทีอย่างที่ปนัดถามนี่แหละ ให้ใส่ทั้งวันนี่ไม่ไหวเหมือนกัน
ซึ่งโทรศัพท์นี่... สุดท้ายก็ไม่รู้แต่ละเบอร์ที่โทรไปนี่คุยกับใครไปบ้าง บอกแล้วก็จำไม่เคยได้ (เฮ่อ) แต่ค่าโทรศัพท์ 38 รายการ 18 บาท 75 สตางค์นี่... รู้งี้ไม่น่าต้องรีบเติมเงินเล้ย (ใช้แฮปปี้ โทรในเครือข่าย นาทีแรก 25 สต. ต่อไปนาทีละ 1.25 บาท)
แล้วก็พูดอยู่ว่างานนี้ที่จริงน่าชวนจรสพงษ์ไปเล่น (เพราะรายนั้นเป็น "บักปอปท่องเมืองกรุง" ขาประจำ)... แต่ความจริงก็คงไม่ได้ช่วยอะไรเท่าไร เพราะสังขารคงสู้เด็ก ๆ ไม่ไหวอยู่ดี
ว่าไปแล้วเรื่องเส้นทางท้องที่นี่มันมากับประสบการณ์ (และอายุ~) จริง ๆ แฮะ... เพราะตอน ม.4 ที่เอกดนัยรู้จัก ม.พัน 4 ตรงเกียกกาย เรายังยกให้เป็นมนุษย์แผนที่มหากาลกันเลย แล้วขนาดสวนลุมพินีนี่ตัวเองยังเพิ่งจะรู้จักเอาก็ตอนที่เข้าคณะที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนนกับสวนลุมฯ นี่เอง
แต่... Google Earth นี่มันก็เพิ่งมามีเมื่อ 3 ปีมานี้เองนี่นะ
รอติดตามวิดีโอต่อไป...
Last edited: 2009-02-02 23:20