กีฬา
คำนี้ฟังแล้วบางครั้งก็รู้สึกใกล้ตัว แต่บางครั้งก็กลับไกล
ท่านผู้อ่านทุกท่านน่าจะเคยได้เรียน สัมผัส และหัดเล่นกีฬามาบ้าง อย่างน้อยก็จากชั่วโมงพลศึกษาในโรงเรียน
ผมเองจำได้ว่าเคยถูกโรงเรียนบังคับให้เล่นลองสัมผัสกีฬาหลายประเภทอยู่ เท่าที่นึกออกก็มีฟุตบอล บาสเกตบอล แฮนด์บอล แชร์บอล วอลเลย์บอล เทนนิส ปิงปอง แบดมินตัน เซปักตะกร้อ ยิมนาสติก ไอคิโด กระบี่กระบอง วิ่ง กระโดดไกล กระโดดข้ามรั้ว ทุ่มน้ำหนัก พุ่งแหลน ว่ายน้ำ แล้วก็ลีลาศ (ห่วงยางเชลยนี่นับมั้ย?)
แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เอาอ่าวสักอย่าง หลังจบมัธยมมาก็เหลือที่มีโอกาสสัมผัสอยู่แค่หยิบมือเดียว
และก็กลายเป็นว่ากีฬาที่เคยเรียนมาเยอะแยะนั้นส่วนใหญ่ก็เหลือมีโอกาสเห็นแค่ในหน้าข่าวหนังสือพิมพ์และการถ่ายทอดทางโทรทัศน์ (รวมทั้งกีฬาที่ไม่เคยเรียนด้วย โอลิมปิก ณ ลอนดอนที่ผ่านมา ผมนั่งดู canoe slalom เยอะสุดเลยมั้ง)
แต่นั่นก็น้อยที่ไหนกัน ผมเคยสงสัยอยู่บ่อยครั้งว่าเหตุใดกีฬาจึงได้รับพื้นที่ข่าวมากมายทุกวัน ทั้งที่เทียบกันแล้วมันดูเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราน้อยเสียเหลือเกิน แต่การติดตามกีฬาในฐานะผู้ชมมันก็เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมสมัยนิยมทุกวันนี้ และคงยากที่จะชำแหละหาที่มาที่ไป
อันที่จริงแต่ละคนคงมีความใกล้ชิดกับกีฬามากน้อยแตกต่างกันไป ไม่ว่าจะในฐานะผู้ชมหรือผู้เล่น อย่างตอนมัธยม สามารถแบ่งนักเรียนชายได้คร่าว ๆ เป็นสองสายพันธุ์ คือคนที่เตะบอลตอนพักกับคนที่ไม่เตะ (คงไม่ต้องบอกว่าผมอยู่กลุ่มไหน ที่จริงยังมีพันธุ์ย่อยที่แปลกกว่านั้นอีก เช่นคนที่แวบไปตีเทนนิสก่อนเข้าแถว—อีลีทสุด ๆ)
ซึ่งหลายคนที่เตะบอลตอนพัก ก็ยังคงเล่นอยู่ตอนที่จบมัธยมออกมาแล้ว และหลายคนในกลุ่มนี้ก็ติดตามดูฟุตบอลลีกทางโทรทัศน์ แต่เรื่องของเรื่องคือสำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว ความเป็นผู้ชมกับความเป็นผู้เล่นมันแทบไม่สัมพันธ์กันเลย
คิดดูแล้วก็มันก็มองได้ว่าเป็นเรื่องปกติ เพราะทุกอย่างที่ดูในโทรทัศน์เราก็ไม่ได้ทำเองสักหน่อย แต่ผมก็ยังรู้สึกว่ามันทั้งใกล้และไกลตัวแปลก ๆ เวลาที่เห็นฝูงชนหน้าจอโทรทัศน์ร่วมเชียร์นักกีฬาทีมชาติแข่งกีฬาที่คนดูต่างก็ไม่มีใครเคยเล่น
ที่จริงแล้วสำหรับกีฬาฟุตบอล ความแตกต่างระหว่างการเป็นผู้ชม-ผู้เล่นนี้อาจจะไม่ได้เห็นชัดเจนมากนัก เพราะในปัจจุบันนี้ฟุตบอลเองเหมือนจะเป็นกีฬาสากลที่ได้แทรกซึมสู่ทั้งผู้ชมและผู้เล่นไปแล้วทั่วทุกหย่อมหญ้า
หรือเปล่า?
มหานครเมืองหลวงแห่งนี้มีพื้นที่เปิดอยู่พอควร (ถึงจะยังไม่ค่อยพอก็เถอะ) และหลายส่วนของพื้นที่เหล่านี้ก็ได้ถูกจัดสรรเป็นสนามกีฬา ลองไล่ดูภาพถ่ายดาวเทียมใน Google Maps ก็จะเห็นสนามกีฬาเหล่านี้กระจายอยู่ทั่วไป ทั้งตามสวนสาธารณะ สถานศึกษา หมู่บ้านจัดสรร...
และเห็นว่าเป็นสนามเทนนิส บาสเกตบอล และฟุตซอลเกือบทั้งสิ้น~
นึกดูก็ตลกดี โอเคฟุตบอลสนามเล็กนี่ไม่น่าแปลกใจ แต่ในความรู้สึกแล้วเทนนิสเป็นกีฬาที่คนเข้าถึงกันได้ค่อนข้างน้อย ทำไมจึงดูเหมือนว่าจะได้รับการจัดสรรพื้นที่ให้เยอะเกินสัดส่วน หรืออย่างบาสเกตบอล ถึงจะมีคนเล่นพอควร แต่ก็ไม่มากเท่าสนามที่มี ภาพนักเรียนเตะฟุตบอลกันใต้แป้นบาสก็น่าจะเป็นที่คุ้นเคยกันดี
แต่อืม ลำพังสุ่มดูภาพถ่ายดาวเทียมก็คงบอกอะไรไม่ได้อยู่แล้ว เพราะกีฬาแต่ละประเภทก็มีความต้องการใช้พื้นที่แตกต่างกันไป (ถ้านับพื้นที่จริง ๆ กอล์ฟนี่คงเปลืองสุดละ) ที่อยู่ในร่มก็อีกเยอะ และจริง ๆ แล้วปัจจัยหนึ่งที่ทำให้กีฬาฟุตบอลเป็นที่นิยมแพร่หลายก็เพราะความเรียบง่ายของมันที่เล่นได้โดยไม่ต้องมีสนามตีเส้นไว้ด้วยซ้ำ
หากเดินผ่านโรงเรียนมัธยมใด ๆ เวลาพักหรือหลังเลิกเรียน ก็คงจินตนาการได้ไม่ยากว่าฟุตบอลคงจะเป็นกีฬายอดนิยมอันดับหนึ่งของยุคสมัย แต่จากการเตร็ดเตร่ผ่านพื้นที่เปิดสาธารณะอื่นหลายแห่ง ผมยังพบภาพอื่น ๆ ที่ทีแรกก็ไม่นึกถึงเหมือนกัน
ตะกร้อ ถึงจะเห็นมาแต่ไหนแต่ไร และเคยเรียนตอน ม.ต้น ผมก็แทบไม่เคยรับรู้เลยว่ามันเป็นกีฬาที่มีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน (จะเข้ามาในความคิดก็แต่เวลามีแข่งซีเกมส์หรือเอเชียนเกมส์) แต่เมื่อลองสังเกตชีวิตริมทางใน กทม. จึงได้เห็นว่ามันก็มีคนเล่นอยู่ทั่วไปไม่ต่างจากฟุตบอลเท่าไรเลย (จะต่างกันก็อายุเฉลี่ยคนเล่นนี่แหละ ที่ดูจะมากกว่าอย่างมีนัยสำคัญ)
เปตอง น่าแปลกใจที่ไม่เคยเรียน (หรือเคยแต่ลืมไปแล้วหว่า?) เพราะที่โรงเรียนก็มีสนามอยู่มากมาย และก็เห็นเขาซ้อมกันอยู่ประจำ ที่จริงไม่ใช่แค่ที่โรงเรียน แต่สนามเปตองนี่น่าจะมีอยู่ในสถานที่ราชการแทบทุกแห่งเลยก็ว่าได้ และก็มักจะเห็นคนเล่นอยู่เนือง ๆ ว่าไปก็น่าสงสัยว่าทำไมราชการต้องเปตอง?
ส่วนแบดมินตันนี่ไม่ได้เห็นบ่อยตามริมทาง (เพราะสนามส่วนใหญ่น่าจะอยู่ในร่ม) แต่ก็คงไม่พ้นว่าเป็นกีฬายอดนิยมสำหรับครอบครัวชนชั้นกลาง ที่อย่างไรเสียทุกบ้านน่าจะมีหรือเคยมีไม้แบดอยู่อย่างน้อยคู่นึง ที่จะได้หยิบเอามาเล่นกันในซอยหน้าบ้านหรือพื้นที่เปิดใด ๆ ที่สะดวก
คิด ๆ ดูแล้ว กีฬาแต่ละอย่างมันก็คงเป็นที่นิยมของคนต่างกลุ่มกันไป หลายอย่างที่เรารู้สึกว่าไกลตัว นั่นอาจจะเพราะว่าคนที่เล่นกันเขาไม่ได้เป็นส่วนของสังคมที่เราเห็นอยู่ทุกวัน แต่หากลองสังเกต ลองสำรวจโลกรอบตัวดู เราก็อาจจะได้เห็น ว่ามันไม่ได้อยู่ไกลอย่างที่คิดเลย