6 February 2008

6 February 2008

วันนี้เลิกครึ่งวัน (ตามตารางของวอร์ดเด็ก)

ที่จริงก็มีงานต้องทำเยอะแยะ แต่หนึ่งในภารกิจที่ต้องทำคือไปรับใบรับรองฯ ที่ขอ สทป. ไว้ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่แล้ว

ก็เลยออกเดินทางหลังรับประทานอาหารกลางวันเสร็จ ทีแรกว่าจะไปขึ้นรถโดยสารภายในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (รถป๊อป? ปอพ.? ← ตกลงมันสะกดยังไง) ก็ขอตั๋วจากพัชรพรรณแล้วเดินไปศาลาพระเกี้ยว

ที่จริงเราไม่ควรจะต้องขอตั๋วเพื่อไปขึ้นรถ

เพราะเห็นโฆษณาอยู่ครึกโครม (ที่ป้ายรถ) ว่าใช้บัตร Smart Purse ได้

การที่จริง ๆ แล้วใช้ไม่ได้ตามที่โฆษณาก็ควรจะเป็นเหตุผลให้เราขึ้นรถฟรี ไม่ใช่ต้องลำบากหาตั๋วมาขึ้นรถ

(แต่ก็ยังไม่กล้าทำอย่างนั้นน่ะนะ)

เอาเถอะ ไปถึงศาลาพระเกี้ยว (แวะไปตากแอร์ศูนย์หนังสือพักหนึ่ง) ก็รู้สึกว่า เดินมาขนาดนี้แล้ว เดินต่ออีกนิดเดียวก็ถึง สทป. แล้ว ไม่คุ้มรอรถสาย 2 เอาซะเลย

ก็เลยเดินไป... เลี้ยวซ้ายหอนาฬิกา (ใช่ที่เรียกว่าสามแยกปากหมาหรือเปล่า) ผ่านหน้าหอประวัติฯ มีนิทรรศการ ร.6 ที่เลยกำหนดเวลามาแล้วแต่ยังไม่ได้เก็บออกแสดงอยู่ แต่ไม่ได้เข้าไปดู

เกิดอยากเข้าห้องน้ำขึ้นมา ก็เลยว่า... แวะเข้าห้องน้ำจามจุรี 5 ก็คงได้ แต่ไม่เคยแฮะ มีให้เข้าหรือเปล่าก็ไม่รู้

เลยว่าแวะเข้าห้องน้ำชายที่ใหญ่ที่สุดในจุฬาฯ ดีกว่า

ห้องน้ำที่ว่าหมายถึงห้องน้ำตึกชีววิทยา 1 คณะวิทยาศาสตร์ ใครที่เคยใช้บริการคงจะนึกออกว่ามันพื้นที่โอ่โถงขนาดไหน

อืมม... ไหน ๆ ก็มาตึกนี้แล้ว แวะขึ้นไปดูพิพิธภัณฑ์ฯ หน่อยดีกว่า เดี๋ยวนี้หน้าตาเป็นยังไงแล้วนะ... ยังไงก็ต้องรอ สทป. เปิดบ่ายโมงอยู่ดี

ก็เลยได้มาแวะชม พิพิธภัณฑสถานธรรมชาติวิทยาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อีกครั้ง (เหมือนจะไม่เคยมาตั้งแต่ตอน สอวน. มั้งถ้าจำไม่ผิด)

ท่าทางเหมือน ๆ เดิมเลยแฮะ... (คือให้ความรู้สึก "พิพิธภัณฑ์" ตามความหมายที่คุ้นเคยในภาษาไทย ว่าเป็นที่เก็บวัตถุโบราณ มากกว่าที่ให้ความรู้ แต่นั่นก็อีกประเด็นที่ยังไม่ขอพูดถึงดีกว่า)

แต่กระนั้น [collection] แต่ละอย่างก็น่า [fascinating] ไม่น้อยอยู่ดี...

เอาเถอะครับ มาถึงประเด็นที่จะอวดใน blog post นี้ดีกว่า...

ข้างทางเข้า ก็มีโต๊ะสมุดเยี่ยมชมอยู่... เป็นสมุดเยี่ยมชมที่ดูใช้มาหลายปีแล้ว (ยังไม่เต็มสักที)

ลองพลิก ๆ ดู... อ๊ะ...

!

ตายละ ตอนนั้นใคร (อาจารย์อะไร) คิดผิดให้เราเป็นคนลงชื่อไว้เนี่ย จำไม่เห็นได้เลย...

(ว่าแต่เห็นชื่อกิตติศักดิ์ สิงห์พิทักษ์เมธา ด้วยแฮะ ที่เคยเห็นพูดถึงว่าเคยเข้าค่าย สอวน.ชีวะ คือค่ายนี้เองหรอกเหรอ อืมม...)

แต่พูดถึงเรื่องค้นชื่อเก่า ๆ ใน guest book นี่... เหมือนตอนไปพระราชนิเวศน์มฤคทายวันเลยแฮะ...


3rd Anniversary

แถมอีกเรื่องพ่วงไว้ใน post เดียวกันแล้วกัน ไหน ๆ ก็หัวเรื่องว่า 6 February 2008 แล้ว...

Link: Zerothman: 3rd Anniversary

วันนี้ก็ครบรอบสามปีของบล็อกนี้เหมือนกันครับ

ขอพูดถึงซะหน่อย (เลียนแบบ NuttyGM Zerothman)*

แต่เนื่องจาก post แรก ยังไม่สมควรนับเป็นการเริ่ม blog ก็เลยเก็บ 3rd anniversary ไว้พูดถึงตอนครบรอบ post ที่ 2 ดีกว่า

(ถ้าจะได้พูดถึงน่ะนะ)


* Referring to: Placeholder...

Ugh. Just ugh.

I can hardly believe it.

Well, no. Actually, this is quite believable. This is Thailand, after all.

หมายเหตุ: ถ้ามีกระแส comments มากพอ อาจจะขยายความเพิ่มใน edit ถัด ๆ ไป

5 February 2008

On ชายหนุ่มที่แบก iMac กลางบุญมาครอง

ลองอ่าน ชายหนุ่มที่แบก iMac กลางบุญมาครอง (จาก Zerothman's Blog) ดูครับ...

อ่านจบแล้วสังเกตว่ามีอะไรแปลก ๆ หรือเปล่าครับ

สังเกตไหมครับว่าอะไรแปลก ๆ นั้นมัน [systematic] ยังไง

ลองอ่านดูอีกครั้งนะครับ...


คือผมเองอ่านไปรอบแรกตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่ได้สังเกตอะไรเลยครับ

ทำให้นึกถึงเรื่องเกี่ยวกับ language psychology ที่เคยเรียน/เห็น บางอย่าง

โดยเฉพาะ forwarded email ที่หลาย ๆ คนคงเคยได้รับ ที่ว่า

Aoccdrnig to a rscheearch at Cmabrigde Uinervtisy, it deosn't mttaer in waht oredr the ltteers in a wrod are, the olny iprmoetnt tihng is taht the frist and lsat ltteer be at the rghit pclae. The rset can be a toatl mses and you can sitll raed it wouthit porbelm. Tihs is bcuseae the huamn mnid deos not raed ervey lteter by istlef, but the wrod as a wlohe.

เรื่องราวเกี่ยวกับ forwarded email ฉบับนี้ Matt Davis จาก University of Cambridge เขียนอธิบายเพิ่มเติมไว้ที่นี่ครับ

ผมเองเข้าไปเจอผ่าน blog post ของ Just Aaron ที่เขียนสรุปไว้ (+ พูดถึงเรื่องอื่นที่น่าสนใจอีกเล็กน้อย)

จะว่าไป... เรื่องราวที่พูดถึง กับตัวอย่าง blog post ที่ยกไว้ข้างต้น จะเกี่ยวกันแค่ไหนก็ไม่ทราบเหมือนกันนะครับ... ปรากฏการณ์คล้าย ๆ กัน แต่ดูกลไกก็ไม่คล้ายกันเสียทีเดียว

น่าสนใจ...

2 February 2008

Final Score: 365 วันฯ

อืมม... ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่กะไว้ว่าว่าง ๆ อยากหาโอกาสดู แต่ก็ยังไม่ได้ดูสักที

พอดีวันนี้กลับมาจากไปเยี่ยมบ้านผู้ป่วย (ขึ้นรถไฟฟ้าเอกมัย... ยังนึกอยู่ว่าจะแวะท้องฟ้าจำลองดีหรือเปล่า (แต่อย่าเลย)) เกือบบ่ายสอง ก็เปิด Outlook ใน Bangkok Post อ่านการ์ตูน แล้ว scan ดูโปรแกรมทีวี ก็เห็นว่าเป็นเวลาเริ่มพอดี (เลยทานข้าวกลางวันตอนบ่ายสามครึ่งได้ (ความจริงคือวิ่งไปเปิดทีวีทีเดียว))

ที่ว่าอยากดูก็ไม่ได้คาดหวังอะไรตั้งแต่ต้นเท่าไร แต่ก็เห็นว่า presentation น่าจะน่าสนใจดี...

ก็ดี... ชอบเหมือนกัน แต่ดูจบไปแล้วก็ยังไม่ค่อยรู้ว่าประเด็นที่หนังจะสื่อคืออะไรบ้าง

ทำนองว่าเรื่องราว 365 วันเอามาย่อเหลือ 95 นาที ความรู้สึกที่ได้เลยเหมือนเล่น VCD แบบ fast forward (คือ skip ข้ามเป็นห้วง ๆ) ไม่ค่อยมี flow ของเรื่องราว หรือประเด็นที่ชัดเจนให้เห็น

ส่วน nostalgia factor เรื่องนี้ก็ไม่ได้แรงมาก (อย่างน้อยก็ในความรู้สึกเรา... จะมีก็ตอนวันเรียนวันสุดท้าย)... ก็คงจะเพราะปัจจัยหลายอย่างรวมกัน (รวมทั้งการที่ไม่ได้ต้องลุ้นเรื่องเอนทรานซ์อะไรเท่าไร)

อืมม... แต่พูดถึงแล้ว... จำได้นะ ตอนนั้นเช้าวันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน 2546 มาถึงโรงเรียนประมาณหกโมงห้าสิบ ช่วงนั้นคะแนนเอนท์มันก็ทำท่าจะออกมิออกแหล่มาหลายวัน เช้าวันนั้นก็ยังเปิดเว็บประกาศคะแนนดูอยู่ก่อนออกจากบ้าน ก็ยังไม่มีอะไรโผล่มา (คืนก่อนเว็บล่มไม่เป็นท่าอยู่นาน)...

เดินเข้าโรงเรียนมา เจอเป๋าเป่าตรงหน้าโรงอาหารหอประชุม เธอบอกว่าคะแนนเอนท์ออกแล้ว~!

ตอนนั้นเลยวิ่งหาคอมกันให้วุ่นเลย พอดีไปเจอปาพจน์ (จำไม่ได้แล้วว่าเจอยังไง หรือโทรหา?) แล้วสุดท้ายก็ไปนั่งลุ้นกันในห้อง Shell (สิทธิพิเศษ - มีเน็ตใช้ส่วนตัว)

ตอนนั้นมีใครบ้างจำไม่ได้แล้วเหมือนกัน แต่ตัวเองนี่ได้เปิดเป็นคนแรกหรือคนที่สองเนี่ยแหละ คลิกใส่เลขที่นั่งสอบแล้วก็รีบคว้าเมาส์ไปลาก border ของจอ IE (สมัยนั้นยังไม่มี Firefox) ขึ้นมาให้เหลือบรรทัดเดียวแทบไม่ทัน (คนอื่นเค้าเอากระดาษปิดกัน)...

เช้าวันนั้นเพื่อน ๆ แต่ละคน สีหน้าบอกคะแนนมาแต่ไกลเลยทั้งนั้น


(อะไรเนี่ยเรา หวนอดีตอีกแล้ว กลับมาด่วน ๆ~!)


Edit:

แต่ว่าไปแล้ว... ที่ว่าอารมณ์ของหนังมันรู้สึกลอย ๆ... ก็คงเหมาะกับการบรรยายจังหวะชีวิตปีสุดท้ายในโรงเรียนอยู่... ช่วงเวลาและความรู้สึกที่ fleeting... ผ่าน ๆ มาแล้วจบไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ ไม่ทันจะตั้งตัว

Last edited 21:45, 24 February 2008