25 April 2013

End of an era: Good bye, Windows Live Messenger

ถูกถอดปลั๊กไปเรียบร้อยแล้วครับ สำหรับโปรแกรม Windows Live Messenger บนเครื่องของผม หลังจากที่พ้นกำหนดอายุการใช้งานที่ไมโครซอฟท์ประกาศไว้ตั้งแต่วันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา

และถึงแม้ว่าผมคงจะทำการรวมบัญชีกับ Skype ต่อไป และไมโครซอฟท์ก็ยังคงให้บริการ Messenger service ผ่านช่องทางอื่นไปอีกระยะหนึ่ง ยังไงก็อยากจะใช้โอกาสนี้รำลึกถึงบริการ instant messaging นี้ที่อยู่ด้วยกันมากว่า 10 ปี

ความจริงตอนที่เริ่มมี MSN Messenger เมื่อกรกฎาคม 1999 นั้นก็ไม่รู้เรื่องอะไรหรอก น่าจะเป็นช่วงที่เพิ่งเริ่มใช้ ICQ ด้วยซ้ำ มารู้จัก msnmsgr ก็ราวอีกสองปีถัดมา ขณะที่ความนิยม ICQ ก็เริ่มถดถอยลงไป

และถึงแม้ว่า ICQ จะยังคงให้บริการอยู่ในปัจจุบัน (ในสภาพที่เปลี่ยนไปจนจำแทบไม่ได้) สำหรับเพื่อน ๆ ที่โตมาด้วยกัน ก็คงเรียกได้ว่าทั้ง ICQ และ MSN Messenger ต่างเป็นแก่นหลักอย่างหนึ่งในชีวิตช่วงนั้น ที่มีบทบาทสืบเนื่องถัดกันมา

และหลายคนก็คงจะมีความทรงจำหลากหลายเกี่ยวกับทั้งสองบริการนี้ ไม่ว่าจะเป็น...

  • เสียงเรียกเข้า "โอ๊ะโอ" ของ ICQ (ที่ตอนหลังถูกแทนที่ด้วย "ตื่อดือดึ๊ง" ของ MSN Messenger)
  • จอข้อความที่ต้องกด tab เพื่อย้ายโฟกัสไปที่ปุ่ม Send (ซึ่งพอเปลี่ยนมาใช้ MSN Messenger ก็สับสนบ่อย ๆ เพราะไม่ต้องกด) และการ์ตูนหน้าคนที่จะเลื่อนหมุน ๆ เวลาส่งข้อความ
  • ปรากฏการณ์ Fwd URL ระบาด
  • หน้าจอ contact list ที่แสดงชื่อเป็นสีน้ำเงินหรือสีแดง พร้อมดอกไม้แสดงสถานะ
  • ซึ่งก็จะเห็นคนตั้งชื่อว่า "ลิสต์หาย ใครเห็นทักมาหน่อย" อยู่บ่อย ๆ
  • พอย้ายมา MSN Messenger ก็ไม่มีปัญหานี้ เพราะมันเก็บข้อมูล contact ให้
  • แต่ contact list ดันเต็มที่ 150 คน~ (มาเพิ่มให้ตอนปี 2005)
  • แล้วก็มีแฟชั่นข้อความต่อท้ายชื่อ ไม่ว่าจะเป็นระบายอารมณ์ รำพึงรำพัน หรือโพสต์เพลงต่าง ๆ นานา
  • MSN Messenger เอง ก็เปลี่ยนหน้าตาเปลี่ยนความสามารถอยู่หลายครั้ง จากเดิมที่เป็นโปรแกรมเรียบ ๆ ง่าย ๆ ต่อมาก็มีเกม (จำ Minesweeper Flags กันได้ไหม) มีการเชื่อมโยงกับ MSN Spaces (ต่อมาเป็น Windows Live Spaces) มีฟังก์ชันเขย่าจอ มี custom emoticons มี video chat (ซึ่งไม่เคยใช้เลย) มีอะไรต่อมิอะไร ฯลฯ

ในปี 2005 MSN Messenger เปลี่ยนชื่อเป็น Windows Live Messenger (WLM) แต่ชื่อ MSN ก็ฝังลึกในสังคมจนการ "ออนเอ็ม" หรือ "คุยเอ็ม" กลายเป็นส่วนหนึ่งของภาษาพูดทั่วไปไปแล้ว แต่แน่นอนว่าอะไรที่ได้รับความนิยมก็ย่อมมีเสื่อมความนิยมตามมา การเติบโตของเว็บไซต์เครือข่ายสังคมออนไลน์ (Facebook เปิดให้ลงทะเบียนได้โดยไม่ต้องสังกัดสถานศึกษาในปี 2006 พร้อม ๆ กับที่ Hi5 เริ่มติดกระแสในประเทศไทย) และการขยายตัวของตลาด smartphone ที่ WLM ทะลวงเข้าไปไม่ถึง ต่างก็เป็นปัจจัยที่ทำให้จำนวนคนออนไลน์บน WLM ลดลงไปเรื่อย ๆ จากที่เคยมีวันละหลายสิบ (แต่ก็ไม่ได้คุย) กลายเป็นเมืองร้างที่เหลือแค่คนที่เปิด Hotmail ทิ้งไว้ในช่วง 2–3 ปีที่ผ่านมา

แม้จะไม่ต้องสงสัยว่าทุกวันนี้พื้นที่ที่ MSN Messenger เคยยืนอยู่จะถูก Facebook (และ Line) กลืนไปเกือบหมดแล้ว

แต่ความเป็นสัญลักษณ์ของ MSN Messenger ก็จะยังคงอยู่ ในฐานะสิ่งที่โตมาเคียงข้างชาว Generation Y ไม่ต่างจากโทรศัพท์สำหรับคนรุ่นก่อนหน้า หรือสิ่งใด ๆ บนโลกออนไลน์ที่จะตามมาสำหรับชนรุ่นถัดไป