3 December 2005

Evidence-based thinking | Plagiarism

เมื่อวานนี้ตอนต้นชั่วโมง Ethics อาจารย์สมเกียรติมาพูดเกี่ยวกับการนำเสนองาน มีส่วนหนึ่งที่พูดถึงการเป็น evidence-based

ที่จริง evidence-based medicine ผมเห็นว่าเป็นสิ่งสำคัญที่ควรจะปลูกฝังให้นิสิตแพทย์ตั้งแต่เนิ่น ๆ เพราะกว่าที่จะได้เรียนเอาตอนปีสามมันค่อนข้างสายที่จะปรับเปลี่ยนทัศนคติและกระบวนการคิด ความจริงที่อาจารย์สมเกียรติพูดมาแล้ว 2-3 ครั้งผมยังคิดว่าไม่ได้นำเสนอในมุมมองที่สะท้อนให้เห็นความสำคัญเพียงพอ และอาจยังไม่เข้าถึงนิสิตได้จริง ๆ

ถ้าจะให้ยกตัวอย่างง่าย ๆ ก็อย่างเรื่องน้ำดื่ม reverse osmosis นั่นแหละครับ...


แต่เรื่องที่อยากจะพูดถึงมานานแล้วเหมือนกัน ที่อาจารย์พูดถึงนิดหนึ่ง คือ plagiarism

pla·gia·rize
v. pla·gia·rized, pla·gia·riz·ing, pla·gia·riz·es
v. tr.
  1. To use and pass off (the ideas or writings of another) as one's own.
  2. To appropriate for use as one's own passages or ideas from (another).
v. intr.
To put forth as original to oneself the ideas or words of another.
Source: The American Heritage® Dictionary of the English Language, Fourth Edition
Copyright © 2000 by Houghton Mifflin Company.
Published by Houghton Mifflin Company. All rights reserved.

- Provided by Reference.com

ประเด็นที่อาจารย์พูดถึงเรื่องนี้จริง ๆ ก็มีอยู่ไม่มาก (คือตรงที่ว่าเวลาที่หาข้อมูลมาแล้วต้องสรุปความเรียบเรียงให้เหมาะสม ไม่ใช่ copy มาทั้งดุ้นโดยบางทีก็ยังไม่ได้อ่าน) แต่ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ถูกมองข้ามความสำคัญไปมากในสังคมการศึกษาของเราในปัจจุบัน

เวลาที่ทำงานร่วมกับเพื่อน ๆ บางครั้งผมเองก็ค่อนข้างอึดอัดใจที่เพื่อนทำงานโดย copy มาจากแหล่งบนอินเทอร์เน็ตทั้งดุ้นแบบที่อยากจะหา reference แล้ว Google หาเอาได้เลยว่ามาจากที่ไหน ผมคงว่าเพื่อนที่ทำแบบนั้นไม่ได้ แต่คงต้องโทษระบบการศึกษาและลักษณะสังคมของเราที่ไม่ให้ความสำคัญกับทรัพย์สินทางปัญญาเท่าที่ควร และไม่ได้สอนให้เข้าใจถึงแก่นแท้ของการทำงานเช่นนี้ (เวลาทำรายงาน เราพยายามที่จะรวบรวมข้อมูลจากหลาย ๆ แหล่งแล้วทำความเข้าใจ วิเคราะห์ สังเคราะห์ แล้วเรียบเรียงด้วยถ้อยคำของเราเอง หรือ copy ข้อมูลมาแปะให้รายงานหนาที่สุดเท่าที่จะทำได้มากกว่ากัน?)

ผมก็เคยทำแบบข้อต้นบ่อย ๆ แต่พอได้อ่านบทความโดย Paul D. Rosevear ถึงเริ่มตระหนักได้ว่านิสัยการทำงานอย่างที่เราทำกันบ่อย ๆ ไม่ว่าจะเพื่อทำให้งานนั้นเสร็จ ๆ ไปหรือเพราะไม่รู้ว่าวิธีที่เหมาะสมเป็นอย่างไร เป็นเพียงสิ่งที่ถูกปลูกฝังมาจากความผิดพลาดของระบบการศึกษาที่มองข้ามแก่นของกระบวนการเรียนรู้ตรงนี้ไป

อย่างไรก็ตาม เฉพาะตัวเอง ถ้ารู้แล้ว เราคงไม่ทำสิ่งที่ไม่ถูกต่อ เพียงเพราะมันง่ายกว่า... ใช่ไหม?







- From For Better or for Worse by Lynn Johnston.

10 comments:

  1. หาการ์ตูนมาจากไหนเนี่ย แต่สนับสนุนความคิดนี้นะ

    ReplyDelete
  2. * iCeCrYsTaL *03/12/2005, 23:21

    คนคิดชื่อเดียวกับคุณพอเลย ^^

    ReplyDelete
  3. เป็นนิสัยเสีย ที่ติดตัวมา จนกระทั่งมาเรียนวันนี้พบว่าทำอย่างนั้นต่อไปไม่ได้ งี้แล้วทำงัยต่อดีอ่ะ

    ReplyDelete
  4. อืม ปกติก็ไม่ค่อยอยากจะทำอย่างนั้นหรอกแต่ทำไงได้ บางทีเวลามันไม่เอื้ออำนวย แล้วบางทีต้องยอมรับว่า การ present กลุ่มมันวัดกันด้วย "ปริมาณ" ไม่ใช่ "คุณภาพ" (quantity, not quality)...

    ReplyDelete
  5. ถ้าทำได้แบบนั้นก็คงจะดี แต่มันมีอีกหลายประเด็นที่ควรคำนึงถึง มันปฏิบัติได้จริงหรือไม่ ?เวลาพอที่จะทำรึเปล่า แล้วถึงเวลาพอที่จะทำได้ แล้วมันต้องไปแย่งเวลาทำอย่างอื่นรึเปล่าถ้าต้องไปแย่งเวลาทำอย่างอื่น จะคุ้มมั้ยแล้วมีทางตรงกลางระหว่างสิ่งที่เป็นและสิ่งที่อยากให้เป็นบ้างมั้ย บางทีอาจจะไม่ใช่แค่แก้ที่ตัวนักเรียน เป็นประเด็นที่น่าสนใจ . . . (ประโยคเราไม่ต่อเนื่อง อย่างง ^^)

    ReplyDelete
  6. เพราะไม่ค่อยจะมีเวลาด้วยน่ะแหละ เรื่องของเรื่อง แต่เราก็ไม่ได้ทำแบบนั้นมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนะ เพราะถ้าไม่ตั้งใจทำก็คือไม่ส่งเลยมากกว่า (ซึ่งอย่างหลังออกจะมากกว่า โดยเฉพาะวิชาทางสังคม)

    ReplyDelete
  7. มันก็จริงนะคุณพอ แต่ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆด้วย อย่างที่เอ๊กซ์บอกน่ะแหละ

    ReplyDelete
  8. จริงด้วยอ้ะเราว่าเทคโนโลยีสมัยนี้มันทำให้คนสบายขึ้น แถมยังขี้เกียจมากขึ้นอีกไม่ปฎิเสธ เพราะเราก็ทำแบบนี้ แง้ๆ

    ReplyDelete
  9. ก้อน Masatha12/12/2005, 23:48

    เคยอ่านรายงานเป็นปึก ๆ แล้วย่อให้เหลือหน้าเดียวอีกฅน ก๊อปมาสามหน้า copy-paste นั่นแหละได้คะแนนน้อยกว่าฅนนั้น โทษฐานเขียนสั้นกว่าอาจารย์อ่าน ถ้าไม่ได้เด่นชัดจริง ๆ ไม่ค่อยรู้หรอกว่าเขียนเองหรือก๊อปมาใช้เวลามากกว่า เหนื่อยกว่า คะแนนน้อยกว่า มีดีอย่างเดียวคือความภูมิใจที่เอาไปช่วยอะไรไม่ได้ตอนสมัครงานผมเลือกทางไหนดี?

    ReplyDelete
  10. อู้ยย... ชอบ comment พี่ก้อนมาก ๆ

    ReplyDelete