เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ยานขนส่งอวกาศ Atlantis ก็ได้ลงจอดที่ศูนย์อวกาศเคนเนดีเป็นครั้งสุดท้าย เป็นการจบภารกิจ STS-135 และตำนานสามสิบปีของยานขนส่งอวกาศ (Space Shuttle) ของสหรัฐฯ ในที่สุด
สำหรับผมเอง ยานขนส่งอวกาศนี้นับได้ว่าเป็น... ไม่รู้ภาษาไทยจะแปลว่าไงดี: subject of limitless childhood fascination เลยทีเดียว และผมเชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนก็คงเติบโตมากับภาพและเรื่องราวต่าง ๆ เหล่านี้เช่นเดียวกับผม และก็คงรู้สึกผูกพันกับเจ้ายานนี้ไม่ต่างกัน
ในบรรดาความใฝ่ฝันทะเยอทะยานของมนุษย์ในการเยือนห้วงอวกาศ โครงการยานขนส่งอวกาศนี้อาจไม่ได้เป็นบทจารึกอันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์ และแน่นอนว่าในการดำเนินโครงการตลอดสามสิบปีที่ผ่านมาย่อมมีปัญหา (ไม่เฉพาะกรณีอุบัติเหตุของทั้งชาเลนเจอร์และโคลัมเบีย) ความผิดหวังกับนาซาและโครงการฯ เองก็มาก แต่สำหรับคนรุ่นผม เหนือกว่าความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เหนือกว่าบทบาทในการสร้างสถานีอวกาศนานาชาติ สิ่งที่ทำให้ยานขนส่งอวกาศแตกต่างจากตำนานการพิชิตดวงจันทร์ของโครงการอะพอลโล หรือการเดินทางอันยาวไกลของยานวอเยเจอร์ คือการที่เราโตมากับมัน
ขวาล่างในภาพด้านบน เป็นแบบร่างงาน "ART ED" ของผม ที่เขียนขึ้นใหม่จากความทรงจำ ART ED เป็นชิ้นงานสุดท้ายในวิชาศิลปะตอน ม.1 ซึ่งอาจารย์กำหนดให้วาดอะไรก็ได้ (?) ประกอบข้อความดังกล่าว ซึ่งชิ้นงานที่ผมส่งไปก็มียานโคลัมเบียปรากฏอยู่เป็นองค์ประกอบหลักอย่างที่เห็น และก็เป็นงานศิลปะ ม.1 ของผมชิ้นเดียวที่ได้คะแนน A+ และได้ให้อาจารย์เก็บไว้เป็นตัวอย่าง/แรงบันดาลใจ (?) แก่รุ่นน้องต่อไป จึงไม่มีตัวชิ้นงานต้นแบบเก็บไว้เอง (ความจริงจำรายละเอียดของภาพได้น้อยมาก ที่วาดมานี่มั่วเอาซะส่วนใหญ่)
ยังไงก็ต้องขออวยพรให้กับทุกท่านที่มีส่วนร่วมพัฒนาโครงการยานขนส่งอวกาศนี้อีกครั้ง ตลอดจนไว้อาลัยให้กับนักบินอวกาศที่เสียชีวิตทั้งสิบสี่คน หวังว่าประวัติศาสตร์ที่จบบทลงในวันนี้ จะพลิกหน้าไปสู่อีกก้าวกระโดดอันยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติต่อไป
No comments:
Post a Comment