ไอ้เรื่องนี้นี่มันดูจะร้อนแรงเสียเหลือเกิน... ขนาดไม่อ่านหนังสือพิมพ์แล้วก็ยังมาให้ได้ยินอีก...
ที่จริงชักขี้เกียจ... แต่ไหน ๆ ก็สัญญาไว้แล้ว (ว่าจะมาเขียนเรื่องนี้)...
ตามจริงนะ ตอนแรกตอนที่มีปัญหา ที่ สกอ. ออก หนังสือที่ ศธ 0508/ ว 856มา นี่ก็เห็นแล้วอารมณ์เสียทีเดียว ตอนนั้นก็คิดอยู่ว่ามันจะงี่เง่ากันไปถึงไหน... เพราะ
1. ใครที่ไหนมาบอกว่าไอ้คนที่ฆ่าตัวตายนั่นเป็นผลมาจากรับน้อง
2. แล้วถึงจะเกี่ยวข้องกันจริง ทำไมต้องให้อีกหลายแสนคนที่รับน้องแล้วไม่ฆ่าตัวตายมีปัญหาไปด้วย (ถ้าต้องฆ่าตัวตายจากการรรับน้องมิมีหวังต้องฆ่าตัวตายอีกหลายสิบครั้งเมื่อออกไปเผชิญชีวิตหรือ?) อย่างที่คนเล่นหุ้นแล้วฆ่าตัวตายกันบานเบอะ ไม่เห็นคิดจะสั่งปิดตลาดหลักทรัพย์บ้าง?
แต่... เอาเถอะ... ยังไง ไอ้เรื่องนี้ มาคิดดี ๆ แล้วก็น่าเห็นใจหลายฝ่าย...
-----
อย่างแรก คงต้องเห็นใจความรู้สึกของครอบครัว ที่ต้องพบกับความสูญเสียอย่างที่ไม่คาดคิด ความจริงก็คงตำหนิครอบครัวไม่ได้ ที่จะตีโพยตีพายเอาว่าการรับน้องทำให้คนต้องฆ่าตัวตาย ก็ในเมื่อยังอยู่ในความโศก
ทีนี้ พอมีกระแสข่าวออกมา ก็คงต้องมองสื่อมวลชนเป็นสำคัญ... แต่ก็อีกน่ะแหละ สื่อก็เพียงแต่ขายข่าวไปตามงานของเขา เรื่องอะไรที่ขายออก ถ้าไม่ประโคมให้มันดัง แล้วจะทำธุรกิจอยู่ในตลาดได้อย่างไรกัน... ความจริง ถึงแม้สื่อจะเสนอข่าวโดยไม่ให้ความกระจ่างแก่สังคม ถึงแม้สื่อจะวาดภาพให้สังคมอย่างชัดเจนเหลือเกินว่าผู้ที่ตายนั้นเพราะเป็นเหยื่อของการรับน้อง ถึงแม้ว่าสื่อจะทำลายภาพพจน์ของกิจกรรมรับน้องที่ดีงาม (ไม่เช่นนั้นจะยังมีอยู่ในสังคมถึงปัจจุบันได้อย่างไร) โดยการเสนอแต่ด้านลบให้สังคมได้เห็น แต่การที่เรื่องนี้ได้กลายเป็นข่าวขึ้นมาก็คงไม่ใช่ว่าจะมีแต่ผลเสีย... ความจริง กรณีนี้คงเป็นโอกาสอันดีที่จะช่วยให้ได้ชำระการจัดกิจกรรมรับน้องให้สวยงามและสร้างสรรค์ขึ้น อย่างที่ควรจะเป็น...
ทีนี้ ในส่วนของผู้บริหารในกระทรวงและมหาวิทยาลัย ถ้ามองดูแล้ว ก็น่าเห็นใจ และเข้าใจได้บ้างถึงความจำเป็นที่ต้องมีประกาศและมาตรการต่าง ๆ ออกมา เพราะอย่างที่ข้อความบางส่วนในหนังสือที่ ศธ 0508/ ว 856 กล่าวว่า ด้วยปรากฏว่า การจัดกิจกรรมสำหรับนิสิตนักศึกษาใหม่ในปีการศึกษานี้ ได้เกิดเหตุการณ์หลายกรณีดังที่ปรากฏในสื่อมวลชนต่าง ๆ จนก่อให้เกิดความวิตกกังวล...
และ ... ขอให้ผมประสานมายังมหาวิทยาลัยทุกแห่ง เพื่อให้ข้อวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อมวลชนยุติลงโดยเร็ว และเป็นการกู้ภาพพจน์ของอุดมศึกษาไม่ให้ถดถอยลง...
ก็สะท้อนให้เห็นว่า มาตรการที่ออกมาดังกล่าว ก็คงเนื่องมาจากความเสียหายที่มีบางสถาบันก่อให้เกิดขึ้นก่อนหน้านี้...
ถึงแม้ว่าผมจะไม่เห็นด้วยกับการที่ท่านเลขาธิการฯ ... เห็นควรให้มหาวิทยาลัย/สถาบันได้สั่งยุติกิจกรรมสำหรับปีนี้ลงตั้งแต่บัดนี้...
หรือที่รองอธิการบดีฯ ... ห้ามจัดกิจกรรมที่ต้องค้างคืนในมหาวิทยาลัย...
หรือ ... ไม่อนุญาตให้จัดกิจกรรมนิสิตนอกสถานที่...
(น่าสงสารแพทกับพี่เบิ้ล... โดนลูกหลงไปส่วนนึง ทั้ง ๆ ที่นอกสถานที่ไปได้ 500 เมตร) แต่ก็คงต้องยอมรับว่าการที่ ... กระทรวงศึกษาธิการ จึงได้กำหนดนโยบายและมาตรการในการรับน้องใหม่และประชุมเชียร์ในสถาบันอุดมศึกษา...
และทางมหาวิทยาลัยก็ได้กำหนดนโยบายการจัดกิจกรรมมาอย่างชัดเจน ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ดี...
อย่างน้อยก็เป็นการป้องกันเหตุการณ์ที่จะทำให้เกิดจากกระแสข่าวเช่นนี้ในอนาคตได้บางส่วน...
และที่จริง กิจกรรมรับน้อง ก็รอการจัดระเบียบมาสักพักนึงแล้วมิใช่หรือ
ถึงแม้จะไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด ถึงแม้จะทำให้หลายฝ่ายต้องเสียกำลังกาย กำลังใจไปฟรี ๆ ถึงแม้อาจจะทำให้งานที่บางคนทุ่มเทมานับเดือนนับปีต้องพังทลาย...
แต่ก็คงมีผลดีเกิดขึ้นบ้าง... ใช่ไหม?
-----
หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น
ReplyDeleteอืม แบบเนี้ยแหละ ถ้าไม่มีวิกฤต ก็ไม่มีโอกาส
ReplyDeleteกรูเจี๋ยดายคินคินว้อยยยยย~~
ReplyDeleteI have no idea what is said
ReplyDeleteเราว่าเรื่อง kin kin เนี่ย เราก้อแอบเหนว่าไม่น่ามีอยู๋แล้วอ่ะ ไม่มีประโยชน์แต่เรื่องที่ไม่ให้จัดนอกคณะ = สวนลุม มันงี่เง่าจิงๆอะ เดินข้ามถนนติ๊ดนึง พี่เบิ้ล กะเพื่อนๆ ไปเตรียมฐานตั้งเยอะ จัดที่สวนลุมบรรยากาศดีออก
ReplyDeleteหุหุ พวกนักข่าวแหละ ชอบเอาข่าวไปตีแผ่ สร้างกระแสให้ขายได้งานปีนี้กร่อยลงกว่าปีที่แล้วแน่เลย
ReplyDeleteงืมๆ โลกนี้ช่างวุ่นวายนัก
ReplyDelete